ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้

ปรับลงตามตลาดหุ้นโลก แต่มองว่าทางลงมีจำกัด

ฝ่ายวิจัย KGI ประเมิน SET Index วันจันทร์ ปรับลดลง… หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ตลาดหุ้นไทยเทรดในกรอบแคบๆ (อ่อนแอกว่าที่เราคาด) และฟันด์โฟลว์จากต่างชาติชะลอตัวลงก่อนปัจจัยเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ในคืนวันศุกร์… ขณะที่ในวันนี้ ปัจจัยต่อตลาดหุ้นเป็นลบโดยเฉพาะจากฝั่งต่างประเทศ กล่าวคือ i) ประธานเฟด Jerome Powell แถลงในงานสัมมนาประจำปีว่าเฟดยังให้ความสำคัญอันดับแรกกับการกดเงินเฟ้อให้ลงสู่เป้า 2% และการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดน่าจะทำให้เศรษฐกิจชะลอต่อในระยะถัดไป นอกจากนี้ เฟดชี้ว่าจะยังไม่พิจารณาปรับลดดอกเบี้ยกลับลงมาเร็วเกินไป เพราะต้องมั่นใจก่อนว่าจะคุมเงินเฟ้อได้ การแถลงดังกล่าวส่งผลให้เฟดฟันด์ฟิวเจอร์ให้น้ำหนักเฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมเดือน ก.ย. และมองดอกเบี้ยเฟดขึ้นแตะ 4.0% ณ สิ้นปี 2565 และจะทรงตัวที่ระดับดังกล่าวตลอด ปี 2565 ii) ดัชนีค่าเงินดอลล่าร์ฯ และบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ปรับขึ้นค่อนข้างแรงสะท้อนข่าวดังกล่าว และกดดันเงินบาทให้อ่อนค่า และน่าจะกดดันฟันด์โฟลว์มากขึ้นในระยะสั้นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ตลาดการเงินโลกเข้าสู่ภาวะ risk-off จากการแถลงของเฟด ผนวกกับ SET Index ปรับตัวขึ้นมาระดับหนึ่ง ในช่วงที่ผ่านมา…. ด้านปัจจัยภายในประเทศ ติดตามการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจไทยเดือน ก.ค. ที่ทาง ธปท. จะรายงานในวันที่ 31 ส.ค. นี้ เพื่อประเมินทิศทาง GDP ไตรมาส 3/2565 ของไทย… ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินทางลงของ SET Index ในรอบปรับฐานนี้ มองไว้ที่ 1,594 จุด (ลงไม่ลึก) ใช้สมมติฐาน earnings yield gap (EYG) ปี 2566 ที่ 4.30% (ค่าเฉลี่ยระยะยาว +0.5 SD) บอนด์ยิลด์ 10 ปีที่ 2.60% และ consensus EPS ปี 2566 ซึ่งขณะนี้อยู่ที่ 110 บาท

หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน

เก็งกำไร SCB*, PTG*, EPG*

  • SCB* (เป้าพื้นฐาน 150 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 108 บาท และ 105 บาท / แนวต้าน 115 – 117 บาท (Stop loss 103 บาท) 2) ประเมินกรณียกเลิกการเข้าซื้อหุ้น Bitkub มีโอกาสเป็นบวกต่อการจ่ายเงินปันผลเพิ่มจากประมาณการปัจจุบันที่ 4.0 บาท/หุ้น (Yield >3.7%) 3) ประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจไทย 2H65 ฟื้นตัวตามการเปิดประเทศ และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น 4) PBV 0.83 เท่า (คิดเป็นราว 1 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในอดีต) เนื่องจากราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงมาในช่วงที่ตลาดฯกังวลเรื่องดีลการลงทุนใน Bitkub ทำให้คาดมีโอกาสฟื้นตัว
  • PTG* (เป้าพื้นฐาน 19.5 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 15.0 บาท / แนวต้าน 15.6 – 15.8 บาท กรณี Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/- 16.5 บาท (Stop loss 14.8 บาท) 2) คาดแนวโน้มผลการดำเนินงาน 2H65 โต HoH จากค่าการตลาดที่ฟื้นตัว + ปริมาณขายน้ำมันที่เพิ่มขึ้นตามการเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ 3) Catalyst บวกจากการ IPO บ.ลูก 2 ตัว i) ธุรกิจ LPG คาดเตรียมยื่นไฟลิ่งภายใน 3Q65 นี้ และตั้งเป้าเข้าเทรดภายใน 1H66 ii) บ.ลูก ธุรกิจไบโอดีเซลทำการยื่นไฟลิ่งไปแล้ว คาดเตรียมเข้าเทรดต่อจากธุรกิจ LPG (รอภาพรวมอุตสาหกรรมไบโอดีเซลดีกว่านี้) 4) Forward PE 15.6 เท่า คิดเป็นเพียงราว -1 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในอดีต
  • EPG* (เป้า Consensus 12.25 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 9.7 บาท / แนวต้าน 10.0 – 10.2 บาท กรณี Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป 10.5 บาท (Stop loss 9.5 บาท) 2) ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดแล้วโดย i) คาดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารจะเริ่มทยอยลดลงจากต้นทุนขนส่งที่ลดลง และไม่มีรายจ่ายเปิดร้านอุปกรณ์ยานยนต์ที่ออสเตรเลีย ii) คาดราคาเม็ดพลาสติกเริ่มปรับลดลงแรง คาดส่งผลบวกต่ออัตรากำไรขั้นต้นใน 3Q65/66 (ต.ค.-ธ.ค.) 3) คาดธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ รายได้ทรงตัวแม้จะเกิดเหตุขาดแคลนชิปทั่วโลก เพราะจะได้รายได้จากธุรกิจร้านค้าปลีกที่ออสเตรเลียเข้ามาหนุน 4) Valuation ไม่แพง Forward PE 17.5 เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ราว +/- 20 เท่า)

หุ้นมีข่าว

(+) EA* เล็งส่งมอบรถบัสไฟฟ้า ปีนี้ 1,500 คัน มูลค่าหมื่นล. (ข่าวหุ้น) EA* คาดผลงานครึ่งปีหลังโตกว่าครึ่งปีแรก รายได้ปีนี้เข้าเป้าโต 20% รับแรงหนุนทุกธุรกิจสดใส กางแผนส่งมอบรถโดยสารไฟฟ้าให้ “ไทย สมายล์ บัส” เพิ่มเป็น 1,000-1,500 คัน มูลค่ากว่า 7,000-10,500 ล้านบาท ทุ่มพันล้านบาทรีโนเวต แผงโซลาร์หนุนผลิตไฟฟ้าสูงขึ้น ส่วนโรงงานแบตเตอรี่สิ้นปีขยายเพิ่มอีก 1 กิกะวัตต์ชั่วโมง

(+) SAMART ฟื้นยกกลุ่ม วิทยุการบินมูลค่าพุ่ง (ทันหุ้น) SAMART จ่อพลิกกำไรไตรมาส 3 “บิ๊กวัฒน์ชัย” ชูฟื้นยกกลุ่มธุรกิจวิทยุการบิน SAV กลับมาแรง ปีนี้ส่งกำไรให้แม่นับร้อยล้าน จ่อเข้าตลาดกลางปีหน้า ด้าน SAMTEL เข้าฤดูกาลปิดงบ รัฐงานเพียบประมูล 5 พันล้านบาท SDC แนวโน้มดีผุดธุรกิจไหว้พระออนไลน์ ด้านโบรกชูฟื้นแล้ว แต่หุ้นถูกตีมูลค่า SAV แพงกว่ามาร์เก็ตแคป SAMART

(+) THANI* ปล่อยกู้จำนำทะเบียน เพิ่มเป้าสินเชื่อใหม่ 2.8 หมื่นล. (ทันหุ้น) THANI พร้อมปล่อยสินเชื่อจำนำทะเบียน หลังได้รับใบอนุญาต เจาะฐานลูกค้าเดิมกว่า 6 หมื่นราย ตั้งเป้าปล่อยกู้ปีนี้ 500-1,000 ล้านบาท ดีมานด์สินเชื่อพุ่ง เพิ่มเป้าสินเชื่อใหม่แตะ 28,000 ล้านบาท จากเดิมที่ 26,000 ล้านบาท ขณะที่คุม NPL อยู่ระดับที่ 2.38% โบรกประเมินกำไรขยายตัว

(+) TIPH เปิดผลงานบริษัทลูกโตแรง สปินออฟตามแผน (ทันหุ้น) TIPH โชว์บริษัทลูกอนาคตสดใส ทั้ง TIP ISB-TIP IB และ TIPX ที่จะเป็นอีกแกนหลักในการสร้างรายได้ให้ตัวแม่ ชูบริษัท DP Survey และ Amity ในสายงาน TIP ISB เติบโตแรงทั้งรายได้กำไร ขณะที่เอราวัณประกันภัยหลังเข้าลงทุนหวังสร้างกำไรได้ทันที พร้อมเปลี่ยนชื่อเป็น InsurVerse เดินเครื่องลุยไตรมาส 4 นี้ ส่วนบริษัทมีที่มีเงิน พร้อมเป็นหนึ่งในกลไกหนุน TIPH โตแบบยั่งยืน

หุ้นที่เคยแนะนำก่อนหน้า

  • หุ้นที่แนะนำ “Let profit run” โดยกำหนดจุดขายทำกำไร KBANK (Trailing stop 154 บาท) COM7* (Trailing stop 33.25 บาท)
  • LEO (เป้าพื้นฐาน 19 บาท) แนวรับ 12.8 บาท / แนวต้าน 13.4 บาท หากผ่านได้แนะนำ “Let profit run (Trailing stop 12.7 บาท)
  • HMPRO* (เป้าพื้นฐาน 17.5 บาท) แนวรับ 13.7 บาท / แนวต้าน 14.2-14.5 บาท (Trailing stop 13.6 บาท)
  • SNNP (เป้า Consensus 19.9 บาท) แนวรับ 16.2 บาท / แนวต้าน 16.9-17.3 บาท (Trailing stop 15.8 บาท)
  • CPALL* (เป้าพื้นฐาน 74 บาท) แนวรับ 61.25 บาท / แนวต้าน 62-63 บาท (Stop loss 60 บาท)
  • TFG (เป้าพื้นฐาน 10.4 บาท) แนวรับ 6.0 บาท / แนวต้าน 6.5-6.75 บาท (Stop loss 6.0 บาท)
  • ERW* (เป้าพื้นฐาน 4.7 บาท) แนวรับ 3.74 บาท / แนวต้าน 3.86-3.94 บาท กรณี (Stop loss 3.74 บาท)
  • ILM (เป้าพื้นฐาน 21.5 บาท) แนวรับ 18.4 บาท / แนวต้าน 19.1-19.5 บาท (Stop loss 18.1 บาท)
  • MAJOR* (เป้าพื้นฐาน 26.75 บาท) แนวรับ 19.2 บาท / แนวต้าน 19.6-19.9 บาท (Stop loss 19.0 บาท)
  • ECL (เป้าพื้นฐาน 3.4 บาท) แนวรับ 2.44 บาท / แนวต้าน 2.56-2.64 บาท (Stop loss 2.36 บาท)
  • CRC* (เป้า Consensus 43.2 บาท) แนวรับ 39 บาท / แนวต้าน 40.5-41.5 บาท (Stop loss 39 บาท)
  • CHAYO (เป้า Consensus 17.2 บาท) แนวรับ 10.7 บาท / แนวต้าน 11.1-11.5 บาท (Stop loss 10.6 บาท)
  • IP (เป้า Consensus 24.9 บาท) แนวรับ 17.8 บาท / แนวต้าน 18.6 – 19.0 บาท (Stop loss 17.8 บาท)

Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้

  • KTC* แนะนำ “ถือ” เป้าพื้นฐาน 62 บาท จากการประชุมนักวิเคราะห์ ฝ่ายวิจัยฯ มีมุมมองที่เป็นบวกลดลง สำหรับการเติบโตในอนาคตจากธุรกิจใหม่ ฝ่ายวิจัยฯปรับลดประมาณการฯ ลง และปรับคำแนะนำลงเป็น “ถือ” (เดิม “ซื้อ”) เป้าพื้นฐาน 62 บาท (ลดลงจากเดิม 68 บาท)
  • CBG* แนะนำ “ถือ” เป้าพื้นฐาน 118 บาท จากการประชุมนักวิเคราะห์ มุมมองเป็นลบ แนวโน้มอัตราการเติบโตของรายได้ต่ำกว่าที่คาดไว้เดิม ฝ่ายวิจัยฯปรับลดประมาณการฯ ลง และปรับคำแนะนำลงเป็น “ถือ” (เดิม “ซื้อ”) เป้าพื้นฐาน 118 บาท (ลดลงจากเดิม 133 บาท)
- Advertisement -