บล.ฟิลลิป:

จีเอฟพีที – GFPT ครึ่งปีหลังยังดีจากราคาไก่ที่ยังยืน

Key Point

แนวโน้มครึ่งปีหลังยังดีจากฤดูขายหนุนการส่งออกยังเพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาวัตถุดิบที่ลดลงทำให้ margin ยังดี แม้อาจได้รับผลจากส่วนแบ่ง JV ลดลงบ้าง แต่คาดเป็นช่วงสั้นเพื่อรองรับการขยายตัวในปีหน้า  ทําให้ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ปรับราคาพื้นฐานเป็น 18 บาท

3Q65 ปริมาณส่งออกเพิ่มขึ้น q-q แต่การดำเนินงานอาจอ่อนลง

คาดปริมาณการส่งออกใน 3Q65 จะเพิ่มขึ้นราว 7-13% q-q ที่ราว 8,000-8,500 ตันจาก 7,500 ตันใน 2Q65 จากเข้าสู่ฤดูส่งออก อีกทั้งคำสั่งซื้อจากลูกค้าหลักทั้งยุโรปและญี่ปุ่นกลับมาเพิ่มขึ้น หลังก่อนหน้าชะลอคำสั่งซื้อและจีนยังไม่กลับมาสั่งจากปัญหาภายในประเทศ รวมถึงการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ขณะที่แนวโน้มราคาวัตถุดิบจะลดลง โดยเฉพาะในส่วนข้าวโพดจากช่วงผลผลิตเริ่มทยอยออกมาหนุนให้ต้นทุนลดลง แต่คาดกำไรสุทธิอาจอ่อนลง q-q เนื่องจากใน 3Q65 แมคคีย์จะเริ่มสายการผลิตใหม่ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น และการใช้กำลังการผลิตยังไม่ถึงจุดคุ้มทุนซึ่งจะกดดดันการดำเนินงาน ขณะที่ GFN คาดกำไรจะยังดีจากปริมาณส่งออกเพิ่มขึ้น และยังได้ผลบวกจากราคา By Product ที่ยังสูงเช่นกัน

คาดการดำเนินงานปี 65 กลับมาฟื้นตัวจากราคาขายที่ดี

แม้ว่าปีนี้ราคาวัตถุดิบหลักทั้งข้าวโพดและถั่วเหลืองจะปรับขึ้นจากปัญหารัสเซีย-ยูเครน แต่จากการเกิดโรคระบาดในหมู (ASF) ทำให้คนหันมาบริโภคไก่มากขึ้น และส่งผลให้อุปสงค์มากขึ้น และผลักดันให้ราคาไก่ปรับขึ้นชดเชยต้นทุนวัตถุดิบที่ขึ้นได้ ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนต่อการดำเนินงานทั้ง GFPT รวมถึง GFN ซึ่งปีก่อนหน้าได้รับผลจากราคา by product ที่ต่ำ อีกทั้งการดำเนินงานที่ออกมาสูงกว่าคาด และช่วงที่เหลือของปีจะได้ผลบวกจากปัจจัยฤดูกาล ทำให้ทางฝ่ายปรับประมาณการขึ้นจากเดิม โดยปรับยอดขายเป็น 16,704 ล้านบาท +21% และปรับ margin ขึ้นตามราคาขายที่เพิ่มขึ้น รวมถึงปรับส่วนแบ่งกำไรจากบ. ร่วมเพิ่มขึ้นเป็น 608 ลบ. ขณะที่ค่าแรงที่เพิ่มขึ้นนั้นคาดจะกระทบกับกำไรของบริษัทราว 5% ซึ่งในปีนี้จะกระทบในช่วง 4Q65 เป็นต้นไป คาดกำไรสุทธิจะเพิ่มเป็น 1,715 ลบ. +719% y-y

ความเสี่ยง

  1. การเกิดโรคระบาดในสัตว์
  2. ความผันผวนของราคาวัตถุดิบส่งผลต่อต้นทุนผลิตอาหารสัตว์
  3. ความผันผวนของราคาสินค้า
- Advertisement -