บล.บัวหลวง:

ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องในสัปดาห์ที่ผ่านมาหนุนโดยการ ขยายตัวของส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ middle distillate อย่างไรก็ ตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกเป็นปัจจัยที่ต้องจับตามอง เนื่องจากอาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อการฟื้นตัวของอุปสงค์ ในทาง กลับกันเนื่องจากปัจจุบันเป็นช่วงพีคซีซั่นของพายุเฮอริเคน ซึ่งอาจ ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของโรงกลั่นและส่งผลให้อุปทานตึง ตัวและหนุนค่าการกลั่นให้ปรับตัวดีขึ้น

ในสัปดาห์ที่แล้ว ราคาปิโตรเคมีเคลื่อนไหวหลายทิศทาง อย่างไรก็ตาม ส่วนต่างราคาปิโตรเคมีส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง ซึ่งถูกกดดันโดยต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นและอุปสงค์ในภูมิภาคที่ชะลอตัว ทั้งนี้เรา ยังคงชอบ IVL มากที่สุด เนื่องจากแนวโน้มการเติบโตแข็งแกร่งของกําไรหลักปี 2022 รวมทั้งมีอัพไซด์ต่อแนวโน้มการเติบโตระยะยาว จากการลงทุนและ/หรือการเข้าชื่อกิจการใหม่

ค่าการกลั่นปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง Wow

ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องอีก 1.27 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 12.57 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หนุนโดยการปรับตัวขึ้นของส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ middle distillate กิจกรรมการเดินทางทางอากาศที่ เพิ่มขึ้น, อุปสงค์ในเอเชียและยุโรปที่แข็งแกร่ง, และอุปทานที่ตึงตัวส่งผลให้ส่วนต่างราคาน้ำมันเครื่องบิน และส่วนต่างราคาดีเซลปรับตัวขึ้น 8.98 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 45.53 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และ 9.39 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 47.99 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ตามล่าดับ

ในทางตรงกันข้าม อุปสงค์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ชะลอตัว และการส่งออกจากเอเชียเหนือและอินเดียที่เพิ่มขึ้น  ส่งผลให้ส่วนต่างราคาก๊าซโชลีนปรับตัวลง 2.54 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 15.51 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล (ส่งผลกระทบเชิงลบต่อ SPRC มากที่สุด) นอกจากนี้ ต้นทุนนํ้ามันดิบที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก และอุปทานจากประเทศรัสเซียที่เพิ่มขึ้นกดดัน ให้ส่วนต่างราคาน้ำมันเตาที่มีส่วนผสมของกํามะถันในระดับสูงปรับตัวลง 3.88 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ -19.70 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล (แย่กว่าระดับปกติในช่วงก่อน IMO2020 ที่ติดลบ 4-5 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ค่อนข้างมาก)

ส่วนต่างราคาเอธิลีนปรับตัวขึ้น แต่ส่วนต่างราคาโพรพิลีนปรับตัวลง WOW

ต้นทุนวัตถุดิบแนฟทาที่เพิ่มขึ้นและคาดการณ์อุปทานที่อาจตึงตัว เนื่องจากการปิดซ่อมบำรุงทั่วทั้งภูมิภาคส่งผลให้ราคาเอธิลีนปรับตัวขึ้น 40 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 835 เหรียญสหรัฐ/ตัน ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ในขณะที่อุปสงค์ในภูมิภาคที่ชะลอตัวลง ส่งผลให้ราคาโพรพิลีนปรับตัวลง 25 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 860 เหรียญสหรัฐ/ตัน  เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบแนฟทาปรับตัวขึ้น 11 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 665 เหรียญสหรัฐ/ตัน ส่วนต่างราคาเอธิลีนจึงปรับตัวขึ้น 29 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 170 เหรียญสหรัฐ/ตัน (ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อ PTTGC มากที่สุด) แต่ส่วนต่างราคาโพรพิลีนปรับตัวลง 36 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 195 เหรียญสหรัฐ/ตัน (ส่งผลกระทบเชิงลบต่อ IRPC มากที่สุด)

ส่วนต่างราคา HDPE ปรับตัวลง แต่ส่วนต่างราคา PP ทรงตัว WoW

ต้นทุนวัตถุดิบแนฟทาที่ปรับตัวลดลง และแรงซื้อในเอเชียที่ชะลอตัวลง ส่งผลให้ราคา HDPE ปรับตัวลง 10 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 1,020 เหรียญสหรัฐ/ตัน ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ในขณะที่อุปทานที่ตึงตัวหนุนให้ราคา PP ปรับตัวขึ้น 10 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 1,010 เหรียญสหรัฐ/ตัน เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบแนฟทาปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ส่วนต่างราคา HDPE เทียบกับแนฟทาปรับตัวลง 21 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 355 เหรียญสหรัฐ/ตัน (ส่งผลกระทบเชิงลบต่อ PTTGC มากที่สุด) แต่ส่วนต่างราคา PP ทรงตัว WoW อยู่ที่ 345 เหรียญสหรัฐ/ตัน

ส่วนต่างราคา MEG และส่วนต่างราคา PVC ปรับตัวลง WoW

อุปสงค์ในเอเชียที่ชะลอตัวและอุปทานที่มีจํานวนมาก ส่งผลให้ราคา MEG ปรับตัวลง 10 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 495 เหรียญสหรัฐ/ตัน ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เนี่องจากต้นทุนเอธิลีนปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ส่วนต่างราคา MEG ปรับตัวลง 35 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ในแดนลบที่ -31 เหรียญสหรัฐ/ตัน (ส่งผลกระทบเชิงลบต่อ PTTGC มากที่สุด) ในขณะที่อุปสงค์ในเอเชียที่ชะลอตัว ส่งผลให้ราคา PVC ปรับตัวลง 50 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 930 เหรียญสหรัฐ/ตัน เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบเอธิลีนปรับตัวขึ้น ส่งผลให้ส่วนต่างราคา PVC ปรับตัวลง 70 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 513 เหรียญสหรัฐ/ตัน (ส่งผลกระทบเชิงลบต่อ PTTGC มากที่สุด)

คาดค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น YoY แต่ปรับตัวลดลง QoQ ในไตรมาส 3/65

อุปสงค์ในวงกว้างสําหรับน้ำมันสำเร็จรูปมีแนวโน้มที่จะเติบโตต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 3/65 จากมุมมองของอุปทาน การปิดโรงกลั่น, การส่งออกที่ลดลงจากประเทศจีน, และสต็อกน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำจะเป็นปัจจัยที่จํากัดอุปทาน YoY อย่างไรก็ตาม อุปสงค์ทั่วโลกที่อ่อนตัวลงเนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและอุปทานที่เพิ่มขึ้น มีแนวโน้มกดดันค่าการกลั่น QoQ ในช่วงเวลาดังกล่าว ในขณะที่ต้นทุนน้ำมันดิบ (crude premium) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น YoY (ทรงตัวหรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อย QoQ) ในไตรมาส 3/65 ตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ จากแนวโน้มดังกล่าว เราคาดว่าค่าการกลั่นจะปรับตัวสูงขึ้น YoY แต่ปรับตัวลดลงลง QoQ ในไตรมาส 3/65

หากการเริ่มดำาเนินงานเชิงพาณิชย์ของโรงกลั่นใหม่ไม่เป็นไปตามแผนหรือมีการหยุดโรงกลั่นโดยไม่ได้วางแผนล่วงหน้า (สาเหตุจากไฟไหม้, สงคราม, ภัยธรรมชาติ เป็นต้น) จะส่งผลให้อุปทานตึงตัว อาจเป็นอัพไซต์ต่อค่าการกลั่น  ในทางกลับกันหากอัตราการติดเชื้อกลับมาเพิ่มสูงขึ้น อุปสงค์ปิโตรเลียมจะถูกกดดันอีกครั้ง ซึ่งอาจจํากัดการฟื้นตัวของค่าการกลั่น

ส่วนต่างราคาปิโตรเคมีส่วนใหญ่มีแนวโน้มปรับตัวลง YoY และ QoQ ในไตรมาส 3/65

การกลับมาเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกมีแนวโน้มที่จะหนุนอุปสงค์ต่อผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีในวงกว้างให้แข็งแกร่งต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 3/65 อย่างไรก็ตาม ช่วงที่อุปสงค์ต่อผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีส่วนใหญ่ชะลอตัวตามปัจจัยฤดูกาล (โอเลฟินส์และอะโรเมติกส์) โดยปกติจะเริ่มในไตรมาสที่สองและสิ้นสุดใน เดือน ส.ค. นอกจากนี้ โดยปกติแล้วไตรมาสที่สามจะเป็นช่วงที่อุปสงค์ต่อผลิตภัณฑ์สายโพลีเอสเตอร์ ลดลงตามปัจจัยฤดูกาล ด้านอุปทาน กำลังการผลิตใหม่ที่เริ่มดำเนินงานในระหว่างไตรมาสและต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น อาจเป็นอีกปัจจัยที่กดดันส่วนต่างราคาปิโตรเคมีในไตรมาส 3/65 จากแนวโน้มดังกล่าว เราจึงคาดว่าส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีส่วนใหญ่มีแนวโน้มอ่อนตัวลง YoY และ QoQ ในไตรมาส 3/65 อย่างไรก็ตาม อุปทานที่มีจำกัดซึ่งเป็นผลมาจากนโยบายการควบคุมมลพิษของจีน และ/หรือ ความล่าช้าในการเริ่มดำาเนินงานของกำลังการผลิตใหม่ อาจเป็นอัพไซด์ต่อราคาและส่วนต่างราคาปิโตรเคมี

- Advertisement -