บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง:
Sino-Thai Engineering (STEC) 2Q65 น่าผิดหวัง คาดหวังปี 2566 ฟื้นตัว
TP Revision
ปรับประมาณการและเป้าหมายลง แต่หุ้นมีมูลค่าที่ถูก คงแนะนำ ซื้อ
กำไร 2Q65 น่าผิดหวัง 173 ล้านบาท ต่ำกว่า Consensus 39% ปรับประมาณการกำไรปี 2565/66 ลดลง -25%/-15% แต่คาดหวังโครงการใหม่จะทำให้กำไร 4Q65 และ 2566 ดีขึ้น STEC มีเงินสดและสินทรัพย์ทางการเงินสูง 8,565 ล้านบาท เมื่อรวมตราสารทุน 10,649 ล้านบาท และเงินลงทุนในบริษัทย่อย 5,549 ล้านบาท จะมีมูลค่าสูงถึง 25,164 ล้านบาท คิดเป็น 136% ของมูลค่าตลาด ราคาหุ้นซื้อขายบน Valuation ที่ถูก P/BV 1.1 เท่า (-1.75 SD) เราประเมินราคาเป้าหมายปี 2566 เท่ากับ 14.5 บาท บนฐานค่าเฉลี่ย Forward P/E 10 ปี 24.2 เท่า ลดลงจาก 17 บาท จากประมาณการที่ปรับลดลง ราคาหุ้นปรับลดลงจากต้นปี -17%YTD คาดสะท้อนข่าวลบไปมากแล้ว คงแนะนำ ซื้อ
2Q65 กำไรน่าผิดหวังต่ำกว่าคาดมาก
2Q65 มีกำไรที่น่าผิดหวังลดลงเหลือ 173 ล้านบาท ต่ำกว่า Consensus 39% โดยลดลงจากไตรมาสก่อน 25%QoQ เนื่องจากปัญหาขาดแคลนแรงงาน จากการแพร่ระบาดของ Covid-19 และต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่สูงขึ้น แต่กำไรปกติ จะเติบโตจากปีก่อน 38% เนื่องจาก 2Q64 ถูกกระทบงานอาคารรัฐสภาที่มีต้นทุนส่วนเพิ่มจำนวนมาก
Backlog สูง 1.17 แสนล้านบาท ช่วยหนุนการเติบโต
STEC เหลือ Backlog ปัจจุบันที่สูง 1.17 แสนล้านบาท โดยเป็นโครงการใหม่ที่เพิ่งลงนามในช่วงปลายปีก่อน และปีนี้ ซึ่งมีราคาประมูลใกล้ราคากลาง คือ รถไฟทางคู่เด่นชัย – เชียงราย – เชียงของ สัญญา 283 17,370 ล้านบาท รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ สัญญา 1&2 14,202 ล้านบาท และยังมีสนามบินอู่ตะเภา 27,043 ล้านบาท กำลังจะลงนาม จะช่วยหนุนการรับรู้รายได้ และกำไรในช่วงที่เหลือของปี 2565 และ ปี 2566 ฟื้นตัวดีขึ้น ในอนาคตคาดหวังจะมีโครงการขนาดใหญ่หลายโครงการที่จะเปิดประมูล เช่น โครงการรถไฟทางคู่ระยะที่สอง 7 โครงการรวม 2.72 แสนล้านบาท โครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงส่วนต่อขยาย 3 โครงการ 2.16 หมื่นล้านบาท จะช่วยเพิ่มงานในอนาคต
ปรับประมาณการลง แต่คาดหวังจะเห็นการฟื้นตัว
จากกำไร 2Q65 ที่น่าผิดหวัง และสะท้อนต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่สูงขึ้น ปัญหาขาดแคลนแรงงาน และปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เราปรับประมาณการรายได้ / กำไร ปี 2565 ลดลง -20% / -25% และปี 2566 ลดลง -12% / -15% ตามลำดับ ปี2565 ประเมินรายได้ 29,410 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% และมีกำไร 776 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% ปี 2566 คาดจะเติบโตดีขึ้นมีรายได้ 33,086 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% และมีกำไรเท่ากับ 916 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% ทางด้านต้นทุนเหล็กเส้นซึ่งคิดเป็นประมาณ 7-10% ของต้นทุนราคาเหล็กเส้นใน 3QTD ลดลงเหลือ 23,325 บาท/ตัน ปรับลดลง (-14%QoQ, -2%YoY) ส่วนต้นทุนปูนซีเมนต์ดัชนีราคาปูนซีเมนต์ปรับขึ้นไม่มากนัก +4.7%YTD เมื่อรวมงานใหม่ที่จะรับรู้ คาดจะเห็นอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับดีขึ้นใน 4Q65 และปี 2566