Our View? “Risk-off”
คาดตลาดวันนี้ “Sideways” มองแนวรับที่บริเวณ 1,617 / 1,612 และแนวต้านที่บริเวณ 1,630 / 1,635 คาดตลาดอาจผ่อนคลายความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะเร่งขึ้นดอกเบี้ยและคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงกว่า 4.00% ไปบ้างในระดับหนึ่ง หลังตลาดปรับตัวลงรับรู้ประเด็นดังกล่าวไปบ้างพอสมควรแล้ว ขณะที่เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมากระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ส.ค. ออกมาที่ระดับ 3.15 แสนตำแหน่ง มากกว่าตลาดคาด แต่ตัวเลขการว่างงานเดือน ส.ค. กลับสูงขึ้นที่ระดับ 3.7% มากกว่าที่ตลาดคาด และสูงกว่าเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 3.5% บ่งชี้ตลาดแรงงานสหรัฐยังมีความอ่อนไหวอยู่ เป็นปัจจัยระยะสั้นช่วยผ่อนคลายความกังวลดังกล่าวได้บ้าง
ในส่วนของประเด็นสหรัฐประกาศจะยังคงเก็บภาษีสินค้านําเข้าจากจีนต่อไป คาดมาจากความขัดแย้งที่เพิ่มขึ้นในประเด็นไต้หวัน เรามองประเด็นดังกล่าวเป็นประเด็นที่ตลาดคาดการณ์ได้ไปแล้วในช่วงก่อนหน้า คาดอาจไม่ส่งผลต่อตลาดมากนัก แต่คาดจะกดดันทิศทางหุ้นในกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ต่อไป แต่คาดจะเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นในกลุ่มนิคมฯ ได้บ้างในระยะสั้น
อย่างไรก็ตาม คาดตลาดจะรอติดตามผลการประชุม OPEC+ ในวันนี้เกี่ยวกับนโยบายการผลิตน้ำมันใน เดือน ต.ค. แนวโน้มการผลิตในระยะถัดไป จากก่อนหน้าที่เริ่มมีการส่งสัญญาณถึงแนวโน้มการปรับลดกำลังการผลิต หากอิหร่านสามารถกลับมาส่งออกน้ำมันเข้าสู่ตลาดโลกได้อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม เรามองสถานการณ์อุปทานพลังงานที่ยังอยู่ในภาวะตึงตัว และราคาน้ำมันดิบที่ยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งยังเป็นราคาที่ OPEC+ ยังมีความพอใจ ทำให้เราคาดว่า OPEC+ น่าจะยังมีมติคงอัตราการผลิตน้ำมันที่ระดับเดิมไปก่อนระยะเวลาหนึ่ง อีกประเด็นที่เรามีความกังวล คือ การที่บริษัท Gazprom ของรัสเซียประกาศปิดท่อส่งก๊าซ Nord Stream 1 ต่อไปยังไม่มีกำหนด โดยให้เหตุผลเกี่ยวกับการรั่วไหลของนํ้ามัน คาดจะส่งผลให้อุปทานพลังงานในยุโรปและวิกฤตขาดแคลนพลังงานรุนแรงมากขึ้น คาดจะกระตุ้นความกังวลเกี่ยวกับการเร่งตัวขึ้นของเงินเฟ้อโลกอีกครั้ง เป็นจิตวิทยาเชิงลบกดดัน Upside การฟื้นตัวของทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงได้ คาดจะส่งผลให้ตลาดยังคงอยู่ในโหมด Risk-off ต่อไป
ขณะที่สัปดาห์นี้ยังต้องติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 8 ก.ย. นี้ คาดมีโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยที่ระดับ 0.75% เพื่อสกัดเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้นต่อเนื่อง แม้เศรษฐกิจยุโรปในปัจจุบันยังมีความเปราะบางมากก็ตาม คาดจะส่งผลให้เศรษฐกิจยุโรปชะลอตัว-ถดถอย เป็นปัจจัยกดดันทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงได้บ้าง
สำหรับปัจจัยในประเทศเรายังคงมีมุมมองให้นักลงทุนใช้ความระมัดระวังมากขึ้นกับตลาดหุ้นไทย หลังปรับตัวขึ้นสูงกว่าระดับ 1,640 จุด ซึ่งถือเป็นโซนที่ Valuation ของตลาดในปัจจุบันจะเริ่มตึงตัวมากขึ้น โดย Forward PE เริ่มปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 16 เท่า อยู่ในระดับ -0.5 S.D. ในปีนี้ คาดจะจำกัด Upside ระยะสั้นของหุ้นไทยได้บ้างในระยะสั้น อีกทั้งเราแนะนำให้ติดตามค่าเงินบาทปัจจุบันที่อ่อนค่าเข้าใกล้ระดับ 37.00 บาทอีกครั้ง ตามการพลิกกลับมาแข็งค่าต่อเนื่องของดอลลาร์สหรัฐ คาดจะส่งผลให้กระแสเงินทุนต่างชาติชะลอตัวลง โดย 2 วันที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติเริ่มขายสุทธิหุ้นไทยกว่า 5.45 พันล้านบาท และอยู่ทางฝั่ง Short SET50 Index Futures กว่า 3.05 หมิ่นสัญญา คาดจะเป็นจิตวิทยาเชิงลบกดดันทิศทางตลาดได้ต่อ
ทั้งนี้เรายังคงชอบหุ้นในกลุ่ม Re-Opening ที่ยัง Laggard ตลาดอยู่ ได้แก่ หุ้นในกลุ่มศูนย์การค้า (CPN, MBK และ PLAT) และหุ้นในกลุ่มโฆษณา (VGI, PLANB และ MACO) และกลุ่มค้าปลีก (BJC, CPALL, CRC และ MAKRO) และกลุ่มขนส่ง (BEM และ BTS) คาดจะได้รับประโยชน์จากการเปิดเมืองและแนวโน้มนักท่องเที่ยวกลับมาดีมากขึ้นในช่วง 2H′65 หนุนการบริโภคในประเทศฟื้นตัวขึ้น เป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางราคาหุ้นดังกล่าวได้ มองเป็นโอกาสในการเข้าซื้อเมื่อตลาดอ่อนตัวลง
ธีมการลงทุน “Selective Play”
หุ้นแนะนําวันนี้ “BTS”
กลยุทธ์ ทยอยซื้อสะสม แนวรับ 8.50 / 8.25 Target 8.95 / 9.80 Stop <8.15