KS Daily View 05.09.2022 > สัปดาห์นี้คาดพักฐาน ประเมินแกว่งตัวรอรายงานเงินเฟ้อสหรัฐ 13 ก.ย. นี้ SET วันนี้คาด 1610 -1630 จุด หุ้นแนะนำ SSP

ประเด็นที่เกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์

  • ต่างประเทศ: ตัวเลข Non-farm payroll ของสหรัฐฯ เดือน ส.ค.ชะลอตัว -40% MoM อยู่ที่  315K มากกว่าตลาดคาด 285K แต่อัตราการว่างงานของสหรัฐฯ เดือน ส.ค. ปรับเพิ่มขึ้นอยุ่ที่ 3.7% มากกว่าคาดที่ 3.5% โดยล่าสุดตลาดปรับมุมมองการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในเดือน ก.ย. เป็น 50bps. มีโอกาสเพิ่มเป็น 44% และ 75bps. มีโอกาสลดลงเหลือ 56% และข่าวรัสเซียจะหยุดจ่ายก๊าซผ่านท่อ Nord Stream 1 แบบไม่มีกำหนดเพื่อตอบโต้หลังกลุ่ม G7 มีมติกำหนดเพดานราคาน้ำมันดิบของรัสเซียโดยบังคับผ่านบริษัทประกันในกลุ่ม G7 และ EU ที่จะรับประกันให้กับผู้ซื้อน้ำมันดิบรัสเซีย โดยรวมทั้ง 2 ปัจจัยทำให้ตลาดหุ้นฝั่งสหรัฐพักฐานลงโดยดัชนี S&P500 -1.07%DoD, ดัชนี Nasdaq 1.31%DoD โดย Sector หุ้นสหรัฐที่ปรับลงแรงพลิกกลับมาเป็นกลุ่ม Healthcare -1.44%, Consumer staples -1.39%, Utilities -1.07%,  finance -0.86%  ส่วนกลุ่มที่ปรับขึ้น มีเพียงกลุ่ม Energy +1.83% (หลักๆ หนุนจาก Exxon +1.8%, Chevron +1.5%)
  • ในประเทศ: SET Index เมื่อวันศุกร์แกว่งตัวปิดที่ 1622  จุด โดยกลุ่มนักลงทุนที่ยังขายสุทธิ คือ ต่างชาติขายสุทธิเป็นวันที่ 2  และนับตั้งแต่ต้นเดือน-ปัจจุบัน(Mtd) ขายสุทธิ 5.45 พันล้านบาท และสถาบันขายสุทธิ (mtd) ต่อรวม   2.6 พันล้านบาท โดย Sector ที่กดดัชนีหลักๆ คือกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ DELTA ,กลุ่มปิโตรเคมี (PTTGC, IVL) ส่วน Sector ที่หนุนดัชนีคือ กลุ่ม ICT(ADVANC) กลุ่มค้าปลีก (MAKRO, CRC)

ประเด็นที่ต้องติดตาม

  • ต่างประเทศ : ประชุม OPEC+ วันที่ 5 ก.ย. KS ประเมินว่าความเป็นไปได้น้อยที่จะเห็นกลุ่ม OPEC+ลดกำลังการผลิต เพราะเชื่อว่า OPEC+ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ยังสูงในปัจจุบัน  และรอจนกว่า Supply น้ำมันจากอิหร่านจะออกมา KS ประเมินราคาน้ำมันจะยังผันผวนในระดับสูงในช่วง 90-120$/บาร์เรล
  • ในประเทศ : ประเด็นที่ต้องติตตามในสัปดาห์นี้

1.) 7 ก.ย.  ติดตาม”ศาลปกครอง” นัดพิพากษาคดี BTS ยื่นฟ้อง กทม.ผิดสัญญาการให้บริการโครงการสายสีเขียว โดย BTSC ยื่นศาลปกครองกลางฟ้อง กทม. และ KT กรณีติดค้างหนี้ค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว โดยเป็นการฟ้องในส่วนของสัญญาจ้างเดินรถที่มีมูลหนี้ประมาณ 12,000 ล้านบาท ยังไม่ได้รวมหนี้ในส่วนของสัญญาการจ้างก่อสร้างงานระบบเดินรถและอาณัติสัญญาณอีก 20,000 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลเพื่อยื่นฟ้องต่อไป

2.) ติดตาม Apple จะเปิดตัว iPhone 14 ในวันที่ 7 ก.ย. นี้ โดยอาจมีแรงขายทำกำไรในหุ้นที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ COM7, SYNEX, SPVI, และ  CPW

3.) ติดตามตัวเลขนักท่องเที่ยวเดือน ส.ค. ซึ่งมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นต่อเนื่องจากเดือน ก.ค. ที่ 1.12 ล้านคน หลังผู้ว่า ททท. คาดว่านักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงครึ่งปีหลังจะเดินทางเข้าไทยไม่น้อยกว่า 7.5 ล้านคน และเมื่อรวมกับครึ่งปีแรกจะอยู่ที่ เกือบ 10 ล้านคน มองจะเป็น sentiment เชิงบวกต่อกลุ่มท่องเที่ยว

4.) ติดตามศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำตัดสินกรณีการดำรงตำแหน่งของนายก 8 ปี ซึ่งหุ้นที่เกี่ยวข้องกับสัมปทานรัฐโดยเฉพาะกลุ่มสื่อสารที่ได้ปรับตัวลงมาตั้งแต่วันที่ศาลรับเรื่องคือ 24 ส.ค. ได้แก่ DTAC (-4.4%), TRUE (-4.2%), INTUCH (-5.3%), JAS (-9%), และ ADVANC (-1%)  ขณะที่หุ้นสัมปทานรัฐกลุ่มอื่นๆ เช่น รับเหมา และโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ต่างปรับตัวขึ้นหลังต้นทุนหลักคือราคาสินค้าโภคภัณฑ์เร่ิมปรับตัวลงมา

5.) ติดตาม WHA ได้ออกหนังสือเชิญสื่อร่วมงานจัดพิธีเซ็นสัญญาซื้อ-ขายที่ดินระหว่าง WHA Group และบริษัท บีวายดี ออโต้ อินดัสทรี จำกัด (BYD) ซึ่งมีบริษัทแม่ในจีน ในวันพฤหัสที่ 8 ก.ย. 2565 เพื่อสร้างโรงงานผลิตรถ EV แห่งแรกของ BYD ในอาเซียน ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมระยอง 36 จำนวน  700 ไร่ นอกจากนี้ WHA จะมีการเจรจากับนักลงทุนและผู้ประกอบการรถยนต์ไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศอีกหลายราย ที่มีความต้องการที่ดินรวมกันกว่า 2,000-3,000 ไร่ มองเป็น sentiment บวกต่อหุ้นกลุ่มนิคม, ชิ้นส่วนยานยนต์, รถไฟฟ้า และแบตเตอรี่ในไทย

ประเมินตลาดหุ้นไทยวันนี้คาด 1610-1630 จุด หุ้นแนะนำ SSP 

Top pick :

SSP (ราคาพื้นฐาน  13.0 บาท) เราชอบ SPP จาก

1) ได้ประโยชน์จากการปรับขึ้นค่า Ft จากสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ทั้งหมด 235.6 เมกะวัตต์ มีโรงไฟฟ้า 2 แห่งที่มี PPA ภายใต้ส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (adder) ที่ 3 เมกะวัตต์(21.8% ของกำลังผลิตทั้งหมด) ซึ่งคาดจะได้ประโยชน์จากการปรับขึ้นค่า Ft ที่เพิ่มขึ้นจาก -0.1532/กิโลวัตต์ชั่วโมง ในไตรมาส 4/2564 เป็น +0.9343 บาท/กิโลวัตต์ชั่วโมงใ นการปรับรอบที่ 3 ของปี 2565 (เดือน ก.ย.-ธ.ค. 2565)

2) แผนที่จะเพิ่มกำลังผลิตเป็น 500 เมกกะวัตต์ในปี 2568 นั้นน่าเป็นไปได้ และ 3) PER ไม่แพงที่ 8.49 เท่า  เราคาดว่ากำไรปกติในครึ่งปีหลังจะเพิ่มขึ้น HoH จากการดำเนินงานครึ่งปีเต็มของ Wind Chai , ค่า Ft ที่เพิ่มขึ้น และ COD ของโซล่าร์รูฟท็อปในอินโดนีเซีย

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันจันทร์ ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของไทยเดือน ส.ค. คาด +8.0% YoY (เทียบเดือนก่อนหน้าที่ +7.61% YoY) เงินเฟ้อพื้นฐานของไทยเดือน ส.ค. คาด +3.29% YoY (จากเดือนก่อนหน้าที่ +2.99% YoY) ตัวเลข Caixin Service PMI ของจีนเดือน ส.ค. คาด 54 จุด (-1.8% MoM) และตัวเลข S&P Global Service PMI เดือน ส.ค. ของยูโรโซน คาด 50.2 จุด (-1.9% MoM) และการประชุม OPEC+
  • วันอังคาร ติดตามการประชุมธนาคารกลางออสเตรเลีย คาดปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 50bps. เป็น 2.35% ตัวเลข ISM Non-Manufacturing PMI ของสหรัฐฯ เดือน ส.ค. คาด 55.5 จุด (-2.1% MoM)
  • วันพุธ ติดตามตัวเลขส่งออกและนำเข้าของจีนเดือน ส.ค. คาด +11.7% YoY และ +0.7% YoY ตามลำดับ ขณะที่คาดจีนเกินดุลการค้า US$93bn และตัวเลขดุลการค้าของสหรัฐฯ เดือน ส.ค. คาด -US$70.5bn (เทียบเดือนก่อนหน้าที่ -US$79.6bn) ถ้อยแถลงของ Fed Brainard และ Fed Barr
  • วันพฤหัสฯ ติดตาม ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ส.ค. ของไทย การประชุมของ ECB คาดปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย (Deposit Facility Rate) 50bps. เป็น 0.5% ตัวเลข Initial Jobless Claim รายสัปดาห์ของสหรัฐฯ คาด +240K (เทียบสัปดาห์ก่อนหน้าที่ +232K) ปริมาณสต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ และถ้อยแถลงของ Fed Chair Powell
  • วันศุกร์ ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของจีนเดือน ส.ค. คาด +2.8% YoY (เทียบเดือนก่อนหน้าที่ +2.7% YoY) ดัชนี PPI ของจีนเดือน ส.ค. คาด +3.2% YoY (เทียบเดือนก่อนหน้าที่ +4.2% YoY) ปริมาณ M2 ของจีนเดือน ส.ค. คาด +12.4% YoY (เทียบเดือนก่อนหน้าที่ +12% Yoy) และถ้อยแถลงของ Fed Waller
- Advertisement -