บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):

Hotel Sector: หมุนธีมการลงทุนมาเน้นหุ้น Domestic Play

Event

อัพเดตแนวโน้มกลุ่มโรงแรม

Impact

ปรับเพิ่มประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2565F เป็น 11 ล้านคน (จากเดิม 8 ล้านคน)

หลังจากที่ประเทศไทยยกเลิกโครงการ Test&Go ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2565 และยกเลิกการใช้ Thailand Pass ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2565 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งมาอยู่ที่ 1.1 ล้านคน ในเดือนกรกฎาคม 2565 (เพิ่มขึ้นอย่างมาก YoY, +46% MoM) ส่งผลให้เราปรับเพิ่มประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2565F จากเดิม 8 ล้านคนเป็น 11 ล้านคนเพื่อสะท้อนการฟื้นตัวที่เร็วเกินคาด โดยเฉพาะในส่วนของนักท่องเที่ยวชาวเอเชีย

โรงแรมในยุโรปอาจจะเผชิญความท้าทายทางด้านต้นทุนในปี 2566F

ถึงแม้ว่าเงินเฟ้อในยุโรปจะเริ่มสูงมาตั้งแต่ต้นปี 2565 แต่ผลกระทบยังจำกัดเพราะมี pent-up demand และมีการป้องกันความเสี่ยงต้นทุนเอาไว้ (cost hedges) แต่เมื่อมองต่อไปในปี 2566F เรามีมุมมองที่ ระมัดระวังมากขึ้น เนื่องจาก i) ยังมีความไม่แน่นอนจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ส่งผลกระทบต่อราคาก๊าซธรรมชาติ ii) สัญญาป้องกันความเสี่ยงต้นทุนหมดอายุ และ iii) ผู้ประกอบการโรงแรมอาจจะปรับขึ้นราคา (ARR) ได้ยากในปี 2566F ทั้งนี้ ในบรรดาหุ้นกลุ่มโรงแรมทั้งหมดที่เราศึกษาอยู่ เราคาดว่า Minor International (MINT.BK/MINT TB)* ถูกกระทบหนักที่สุด เพราะมีโรงแรมอยู่ในยุโรปมากสุดในกลุ่ม

คาดนักท่องเที่ยวจีนจะเลือกมาเที่ยวประเทศไทย

จากการที่ประเทศจีนผ่อนคลายมาตรการคุม COVID-19 แบบค่อยเป็นค่อยไป เราคาดประเทศไทยจะเป็นหนึ่งในประเทศหลักที่นักท่องเที่ยวจีนเลือกกลับมาเที่ยว ซึ่งปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญมาจาก i) สถานะความเป็นกลางทางการทูต ii) ความได้เปรียบทางการแข่งขันของประเทศไทย (เช่น ความคุ้มค่าของบริการ และระยะเวลาที่ใช้ในการบินจากปักกิ่งน้อยกว่า 4.5 ชั่วโมง) และ iii) เงินบาท (THB) อ่อนค่ามากกว่าเมื่อเทียบกับประเทศท่องเที่ยวอื่นที่คนจีนชอบเดินทางไป

ยังคงให้น้ำหนักหุ้นกลุ่มโรงแรมที่ Overweight โดยเน้นหุ้นในธีม domestic play

จากสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางด้านต้นทุนในยุโรป ประกอบกับการที่เราคาดนักท่องเที่ยวจีนจะนิยมมาเที่ยวประเทศไทย เราจึงคาดว่าธีมการลงทุนของหุ้นกลุ่มโรงแรมในประเทศไทยจะหมุนไปยังธีม domestic play แทน เรายังคงให้น้ำหนักหุ้นกลุ่มโรงแรมที่ Overweight โดยเลือก The Erawan Group (ERW.BK/ERW TB) (แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 5.00 บาท) และ Central Plaza Hotel (CENTEL.BK/CENTEL TB)* (แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 53.00 บาท) เป็นหุ้นเด่นในกลุ่ม ในขณะที่เลือก S Hotels and Resorts (SHR.BK/SHR TB) (แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 5.40 บาท) เป็น value play โดยมองว่าพอร์ตรายได้ที่สมดุลไปยังประเทศอื่น (เช่น ประเทศไทย และมัลดีฟส์) จะยังช่วยสนับสนุนแนวโน้มการเติบโตของบริษัท

Risks

COVID-19 ระบาดอย่างยืดเยื้อ และความวุ่นวายทางการเมือง

- Advertisement -