สรุปภาวะตลาด

วันศุกร์ที่ผ่านมาดัชนีปรับตัวขึ้นต่อ ขึ้นทะลุแนว 1,650 จุด ระหว่างวันบวกสูงสุด 19 จุด ปิดตลาดเหลือ +15 จุด มีแรงซื้อในหุ้นกลุ่มพลังงาน จากราคาน้ำมันดิบที่รีบาวด์ขึ้นมา และแรงซื้อหุ้น DELTA ส่งผลต่อดัชนีราว +6.4 จุด ขณะที่กลุ่มค้าปลีกเผชิญแรงขายส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,654.62 จุด +14.62 จุด +0.89% มูลค่าการซื้อขาย 63,450.10 ลบ. ต่างชาติ +1,299.52 ลบ. TFEX +20,218 สัญญา ตราสารหนี้ +1,377.46 ลบ.

ปัจจัยบวก+

+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 377.19 จุด +1.19% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีดาวโจนส์บวก 2.7% และปรับตัวขึ้นในรอบสัปดาห์นี้เป็นครั้งแรกในรอบ 4 สัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นโดยมองข้ามความวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ และดูเหมือนว่านักลงทุนได้ปรับตัวรับแนวโน้มที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.75% ในการประชุมเดือนนี

+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้น 3.25 ดอลลาร์ +3.9% ปิดที่ 86.79 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ยังคงปรับตัวลง 0.1% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยได้แรงหนุนจากความวิตกเกี่ยวกับอุปทานน้ำมัน และการร่วงลงของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐช่วยหนุนสัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือน แต่ราคาน้ำมันดิบยังคงปรับตัวลงในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา

+ กระทรวงกลาโหมรัสเซียประกาศถอนทหารออกจาก 2 พื้นที่ในแคว้นคาร์คิฟ ทางตะวันออกของยูเครน หลังกองทัพยูเครนเครนโจมตีตอบโต้อย่างหนักในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

+ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงสถานการณ์การส่งออกข้าวของไทยว่าในปีนี้คาดว่าจะส่งออกข้าวได้มากกว่าเป้าหมาย 7 ล้านตัน ในช่วงม.ค.-ก.ค. ปีนี้ ส่งออกได้แล้วกว่า 4 ล้านตัน สร้างรายได้เข้าประเทศ 71,105 ล้านบาท

+/- ศบค.รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ ป่วยรายใหม่รักษาในรพ. 698 ราย มีผู้เสียชีวิต 15 ราย รักษาหาย 1,966 ราย

ปัจจัยลบ

– FedWatch Tool บ่งชี้ว่านลท.ให้น้ำหนักมากถึง 90% ที่ FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% สู่ระดับ 3-3.25% ในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย. เพิ่มจากระดับ 57% ในสัปดาห์ก่อน

– ทีมนักวิเคราะห์จากบริษัทโนมูระ โฮลดิ้งส์ ปรับเพิ่มคาดการณ์แนวโน้มอัตราการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในเดือนก.ย. และพ.ย.ปีนี้

– อินเดียซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 40% ของตลาดโลกได้กำหนดภาษีส่งออกข้าวบางส่วนเพื่อรักษาอุปทานข้าวภายในประเทศหลังจากผลผลิตข้าวลดลง

– รมว.กระทรวงเศรษฐกิจเยอรมนีเตือนว่าธุรกิจต่าง ๆ ในประเทศมีความเสี่ยงที่จะต้องปิดกิจการ เนื่องจากปัญหาเงินเฟ้อสูงและวิกฤตด้านพลังงาน

– กรมอุตุฯ คาดทั่วไทยยังคงมีฝนตกต่อเนื่องและหนักมาก กทม.-ปริมณฑลมีฝน 80% พื้นที่หลายจังหวัดประสบ ปัญหาน้ำท่วม

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นตามทิศทางตลาดต่างประเทศ โดยนักลงทุนคาดการณ์ว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐที่จะประกาศในสัปดาห์นี้จะผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว ประกอบกับราคาน้ำมันดิบ WTI Rebound หนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน กรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,650-1,660 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

  • ผู้ป่วยต่างชาติเพิ่มขึ้น : BH BDMS D
  • โครงการคนละครึ่งเฟส 5 : TNP KK BJC MAKRO CBG OSP TKN ICHI SAPPE
  • ผลประกอบการหุ้นกลุ่มโรงแรมเริ่มฟื้นตัวขยายวีซ่านักท่องเที่ยว : ERW CENTEL AWC
  • วิกฤตพลังงานยุโรป จีนเริ่มใช้ถ่านหินผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น : PRM VL BANPU LANNA AGE
  • นายกฯ ออกเกณฑ์ให้ต่างชาติได้ BOI ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินได้ : WHA AMATA ROJNA

หุ้นรายงานพิเศษ

CH – บมจ.เจริญอุตสาหกรรม – SET / Agro & Food Industry / Food & Beverage (IPO 2.34 บาท)

**Globlex Securities เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ ซึ่งจะได้รับค่าธรรมเนียมในฐานะผู้จัดจำหน่าย

  • บริษัท เจริญอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) (CH) ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลไม้อบแห้ง ปลากระป๋อง และขนมเพื่อสุขภาพ โดยมีผลิตภัณฑ์หลัก คือ ผลไม้อบแห้ง และปลากระป๋อง ซึ่งเน้นส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา แคนาดา ญี่ปุ่น สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ สาธารณรัฐประชาชนจีน อิตาลี เนเธอร์แลนด์ อินเดีย เป็นต้น ผลิตภัณฑ์ของบริษัทได้รับการรับรอง มาตรฐานการผลิต และมาตรฐานด้านผลิตภัณฑ์ระดับสากล
  • ในปี 2564 บริษัทมีรายได้ลดลง -12% เนื่องจากผลกระทบของ COVID-19 ส่งผลต่อจำนวนชั่วโมงการผลิตลดลงจากการที่พนักงานฝ่ายผลิตในโรงงานจะต้องดำเนินการตามมาตรการป้องกัน COVID-19 สำหรับงวด 3M65 บริษัทมีรายได้จากการขายเท่ากับ 395 ลบ. หรือเติบโต 9.2%YoY สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของทั้งรายได้จากการขายผลไม้อบแห้ง และรายได้จากการขายปลากระป๋องที่ส่งออกไปต่างประเทศ ส่วนหนึ่งมาจากคำสั่งซื้อในช่วงปลายปี 2564 ที่ลูกค้าไม่สามารถจัดหาเรือและตู้คอนเทนเนอร์เพื่อมารับสินค้าได้ และได้มีการทยอยส่งในช่วงต้นปี 2565 โดยปี 64 และ 3M65 บริษัทมีกำไรสุทธิเท่ากับ 67.1 ลบ. และ 8.0 ลบ. ตามลำดับ หรือ คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ (%NPM) 4.5% และ 2.0% ตามลำดับ โดยกำไรสุทธิปี 2564 ใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า ถึงแม้ว่ารายได้และอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวลง แต่มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน จำนวน 38.6 ลบ. และงวด 3M65 เติบโต 67.6%YoY จากรายได้และ %GPM ที่เพิ่มสูงขึ้น
  • ผลประกอบการในช่วงที่เหลือของปี 2565 และปี 2566 คาดว่าจะกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง โดยมีสาเหตุหลักจาก 1) ตลาดผลไม้อบแห้งขยายตัวได้ดี จากพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ซึ่งมีการดำเนินชีวิตที่เร่งรีบ 2) การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เช่น Innovative Healthy Food 3) กำลังซื้อจากลูกค้าเดิมที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ที่กลับมาหลังการเปิดประเทศ 4) มีแผนนำเงินจาก IPO ไปลงทุนปรับปรุงโรงงานผลิตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิตสินค้า 5) ผลิตภัณฑ์ของบริษัทได้รับมาตรฐานสากล ได้แก่ GMP, HACCP, BRCGS, HALAL, KOSHER ซึ่งจะทำให้บริษัทเข้าถึงกลุ่มลูกค้าต่างประเทศได้หลากหลาย เราประมาณการรายได้ปี 2565-2566 ราว 1,630.4 ล้านบาท และ 1,842.3 ล้านบาท เติบโต +13.0%YoY และ +13.0% พร้อมคาดกำไรสุทธิปี 2565-2566 ที่ระกับ 82.0 ล้านบาท และ 96.6 ล้านบาท เติบโต +22.3%YoY และ +17.9% ตามลำดับ
  • เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (IPO) จำนวน 160 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 2.34 บาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.5 บาท ฝ่ายวิจัยประเมิน มูลค่าด้วยวิธี P/E Ratio โดยอิงค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ของหุ้นกลุ่ม Food & Beverage ที่ ได้ PER เฉลี่ยที่ 25.0 เท่า โดยเราประเมิน กำไรสุทธิต่อหุ้นปี 2566 ที่ราว 0.12 บาทต่อหุ้น ได้ราคาเหมาะสมปี 2566 ที่ 3.00 บาทต่อหุ้น และคาดหวังอัตราเงินปันผลที่ 1.7% ต่อปี (คํานวณโดยใช้ราคาเหมาะสม)

หุ้นมีข่าว

(+) GULF (Bloomberg Consensus 55.00 บาท) จ่อรับทรัพย์ หลังทุ่มงบกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท ซื้อหุ้นโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Jackson ในสหรัฐฯ ขนาดกำลังการผลิต 1,200 เมกะวัตต์ เดินหน้าลดคาร์บอนด์ต่อเนื่อง (ที่มา ทันหุ้น)

(+) SABUY (Bloomberg Consensus 50.00 บาท) แย้มผลงานไตรมาส 4/2565 พีคสุดในรอบปี รับอานิสงส์จากการลงทุนธุรกิจใหม่-บุ๊กรายได้ TSR เต็มปี ล่าสุดผนึก NRF รุกสินค้าสุขภาพและความ งาม พร้อมวางหมากปี 2566 รายได้แตะ 2 หมื่นล้านบาท ลุยเก็บเกี่ยวเงินลงทุนเต็มพิกัด แถมศึกษาเข้าลงทุนใน TSR เพิ่มจากเดิมที่ลงทุนแล้ว 24.9% หวังชัดเจนภายในปีนี้ (ที่มา ทันหุ้น)

(+) GULF (Bloomberg Consensus 55.00 บาท) จ่อรับทรัพย์ หลังทุ่มงบกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท ซื้อหุ้นโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Jackson ในสหรัฐฯ ขนาดกำลังการผลิต 1,200 เมกะวัตต์ เดินหน้าลดคาร์บอนด์ต่อเนื่อง (ที่มา ทันหุ้น)

(+) SABUY (Bloomberg Consensus 50.00 บาท) แย้มผลงานไตรมาส 4/2565 พีคสุดในรอบปี รับอานิสงส์จากการลงทุนธุรกิจใหม่-บุ๊กรายได้ TSR เต็มปี ล่าสุดผนึก NRF รุกสินค้าสุขภาพและความงาม พร้อมวางหมากปี 2566 รายได้แตะ 2 หมื่นล้านบาท ลุยเก็บเกี่ยวเงินลงทุนเต็มพิกัด แถมศึกษาเข้าลงทุนใน TSR เพิ่มจากเดิมที่ลงทุนแล้ว 24.9% หวังชัดเจนภายในปีนี้ (ที่มา ทันหุ้น)

ปัจจัยจับตาในประเทศ

  • 13 ก.ย. ก.พลังงานเตรียมเสนอมาตรการช่วยเหลือ ค่าครองชีพประชาชนบรรเทาผลกระทบด้าน พลังงานเข้าที่ประชุมครม.
  • สัปดาห์ที่ 3 สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม
  • สัปดาห์ที่ 4 สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แถลงยอดการผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และชิ้นส่วนยานยนต์ กระทรวงพาณิชย์ แถลงตัวเลขการส่งออก-นำเข้า
  • สัปดาห์ที่ 5 สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง ภาวะเศรษฐกิจ ภูมิภาค ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค
  • 28 ก.ย. ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 5/2565
  • 30 ก.ย. ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)รายงาน ภาวะเศรษฐกิจไทย

ปัจจัยจับตาต่างประเทศ

  • 13 ก.ย. อียู รายงานดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเดือนก.ย.ของยูโรโซนจากสถาบัน ZEW สหรัฐรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนส.ค.
  • 14 ก.ย. สหรัฐ รายงานดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนส.ค. สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)
    • อียู รายงานการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค.
  • 15 ก.ย. ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) แถลงมติอัตราดอกเบี้ย
    • สหรัฐ รายงานจํานวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานราย สัปดาห์ ยอดค้าปลีกเดือนส.ค. ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือน ก.ย.จากเฟดนิวยอร์ก ดัชนีการผลิตเดือนก.ย.จาก เฟด ฟิลาเดลเฟีย
  • 20-21 ก.ย. ประชุม FED
- Advertisement -