Daily Focus: Domestic and Selective Play

2022 SET Target: 1670

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวขึ้นได้แข็งแรงต่อเนื่องหนุนจากเม็ดเงินที่กลับเข้าหาสินทรัพย์เสี่ยง หุ้นขนาดใหญ่ปรับขึ้นดี และหนุนดัชนีปิดบวกได้ 11.12 จุด ณ สิ้นวัน และยืนปิดเหนือ 1,665 จุด ทำให้ภาพทางเทคนิคยังเป็นบวก สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติพลิกมาซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 1.7 พันลบ.และ 2.1 พันลบ. ตามลำดับ (และ Long Index Futures อีกสูงถึง 3.2 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่งตัว Sideways to Sideways Up ใน กรอบ 1,660-1,675 จุด ลดความร้อนแรงระยะสั้นบ้าง หลังจากปรับตัวขึ้นติดต่อกันกว่า 50 จุดในระยะเวลาเพียง 1 สัปดาห์ โดยได้รับ Sentiment บวกจากเม็ดเงินที่ไหลกลับเข้าสินทรัพย์เสี่ยงตาม Dollar Index ที่อ่อนค่า อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามคืนนี้คือตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือน ส.ค. ซึ่งหากออกมาสูงกว่าคาดจะกดดันตลาดให้มีโอกาสพลิกกลับมาพักตัวอีกครั้ง ขณะที่การประชุม FED สัปดาห์หน้าค่อนข้างแน่ที่ FED จะขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% (ตลาดคาดความน่าจะเป็นปัจจุบัน 91%) ขณะที่ราคาน้ำมันฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องอีกครั้งจาก Supply ที่ตึงตัว และกำลังเข้าใกล้ฤดูหนาว ส่วนปัจจัยในประเทศโดยรวมยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ที่ชัดเจน แต่ยังคงมุมมองบวกต่อเศรษฐกิจ 2H22 ที่ทยอยฟื้นตัวต่อเนื่อง เราจึงยังคงเน้นลงทุนในกลุ่ม Value และ Domestic Play โดยเฉพาะที่ Valuation ยัง Laggard และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต รวมถึงหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ส่วนจุดในการเข้าสะสมระยะกลาง-ยาวยังอยู่ที่ 1,600-1,610+- จุด

กลยุทธ์ : ลงทุนใน Domestic และ Value Play // รอสะสมหุ้นช่วงปรับฐาน 1,600-1,610+- จุด

หุ้นเด่นเดือน ก.ย. : CPN, KTB, M, PRM, TU

หุ้นเด่นวันนี้ : ICHI

  • แนะนำ “เก็งกำไร” ราคาเป้าหมาย 11 บาท
  • ผู้บริหารมั่นใจต่อการฟื้นตัวของผลการดำเนินงานใน 3Q22-4Q22 อย่างมากแม้เป็น Low Season ได้แรงหนุนจากแผนออกสินค้าใหม่ 5-6 รายการใน 3 เดือนข้างหน้า ช่วยหนุน Utilization Rate เป็นบวกต่อทั้งรายได้และ Margin
  • ปัจจุบันยังคงเป้ารายได้ปีนี้ 6.5 พันลบ. +24% Y-Y สะท้อนว่าครึ่งปีหลังจะเติบโตแข็งแรง เราคาดกำไร 3Q22 มีโอกาสทำจุดสูงสุดของปีก่อนอ่อนลงใน 4Q22 คาดกำไรปี 2022 จะทรงตัว Y-Y ก่อนเร่งตัว +15% Y-Y ในปี 2023
  • แนวรับ 9//8.70 บาท แนวต้าน 9.50//9.70 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคต่อเนื่องอีก US$480 ล้าน นำโดยไต้หวัน US$353 ล้านหลังจากปิดทำการวันศุกร์ ส่วนอาเซียนเม็ดเงินไหลเข้าทุกประเทศ ยังคงนำโดยไทยและอินโดนีเซียประเทศละ US$56-57 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุน คาดว่ายังอยุ่ในทิศทางไหลเข้านำโดยเกาหลีใต้ที่กลับมาเปิดทำการ ขณะที่ประเทศอื่นอาจมีชะลอตัวบ้างรอดูตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือน ส.ค. คืนนี้

ประเด็นสำคัญวันนี้

(0) จับตาเงินเฟ้อสหรัฐฯ คืนนี้ เป็นตัวเลขชุดสุดท้ายก่อนประชุม FED สัปดาห์หน้า ตลาดคาดเงินเฟ้อทั่วไปเดือน ส.ค. +8.1% Y-Y ชะลอจากเดือนก่อนหน้าที่ +8.5% Y Y ส่วนเงินเฟ้อฟันฐานคาด +6.1% Y-X สูงขึ้นจากเดือนก่อนที่ +5.9% Y-Y และยังห่างจากเป้าหมายของ FED ที่ 2% อยู่มาก ปัจจุบันตลาดคาด FED ปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ในสัปดาห์หน้าด้วยความน่าจะเป็น 90% แต่หากออกมาสูงกว่าคาดและแนวโน้มเงินเฟ้อลงช้า อาจทำให้ตลาดกังวลและเพิ่มคาดการณ์ปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือน พ.ย.

(+) จับตาครม.เคาะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ซึ่งมีวาระเข้าพิจารณาวันนี้หลังบอร์ดค่าจ้างเคาะปรับขึ้นเฉลี่ย 5-8% ในช่วงก่อนหน้า โดยค่าแรงกรุงเทพฯ อยู่ที่ 353 บาท เรามองผู้ประกอบการจะปรับตัวได้จากการใช้เทคโนโลยีทดแทนแรงงาน รวมถึงการปรับราคาขาย และเรามีมุมมองค่อนไปในเชิงบวกต่อการปรับขึ้นค่าแรงครั้งนี้ เนื่องจากไม่ได้ปรับ ขึ้นมานาน มองว่าจะเป็นปัจจัยหนุนกำลังซื้อรากหญ้า กลุ่มที่ได้ Sentiment บวก ได้แก่ ค้าปลีก อาหารและเครื่องดื่ม

(+) NSL คาดกำไร 3Q22 +4% Q-Q, +249% Y-Y ทำ New High สวนทางฤดูกาล จากการฟื้นตัวของสินค้ากลุ่มแซนด์วิชอบร้อน เบเกอรี่ และกลุ่ม Food Service ขณะที่ราคาวัตถุดิบค่อนไปในทางทรงตัว ขณะที่ 4Q22 คาดเร่งขึ้นต่อจาก High Season บริษัทเปิดเผยแผนออกสินค้าใหม่ Ready to eat หลายรายการ ได้แก่ อาหารไทย Plant Based, Retort Product และข้าวแท่ง (Rice bar by NSL) ที่จดอนุสิทธิบัตรเรียบร้อย แล้ว จะเริ่มวางขายในเดือน ต.ค.นี้ ที่ 7-11 และร้าน Pop-up Store เราปรับประมาณการกําไรปี 2022-2023 ขึ้นเป็น +67% Y-Y และ +13% Y-Y ตามลำาดับ และปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 2023 ที่ 26 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(+) ตลาดดาวโจนส์ ปิดที่ 32,381.34 จุด เพิ่มขึ้น 229.63 จุด หรือ +0.71% แรงหนุนจากการคาดการณ์ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ จะชะลอลง ซึ่งจะลดแรงกดดินในการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก นำโดยหุ้นกลุ่มธนาคาร ปรับขึ้นสูงสุดในรอบเกือบ 4 สัปดาห์ จากการคาดการณ์ว่า ECB จะมีแนวโน้มปรับขึ้นดอกเบี้ยมากขึ้น

(+) ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับบวก โดยปรับตัวขึ้นตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐฯ

(+) ค่าเงินบาท แข็งค่าอยู่ที่บริเวณ 36.26 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 99 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 87.78 ดอลลาร์/บาร์เรล จากมาตรการคว่ำบาตรน้ำมันรัสเซียจะส่งผลให้อุปทานนํ้ามันในตลาดโลกเผชิญภาวะตึงตัว

(+) ราคาทองคํา COMEX เพิ่มขึ้น 12 ดอลลาร์ หรือ 0.69% ปิดที่ 1,740.6 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์

SPDR Gold Trust ถือครองทองค่า 964.91 / -1.73

- Advertisement -