GDP สหรัฐต่ำคาด แต่มองดี-ต่ออายุล็อกดาวน์-วัคซีนมาเพิ่ม”

ภาวะตลาดและปัจจัยก่อนหน้า :

SET วานนี้ แกว่งแคบๆ ปิด +0.15 จุด ท่ี 1537.78 จุด มูลค่า 80 พันลบ. ตลาดขึ้นน้อยกว่าเพื่อนบ้าน ซึ่งรับข่าวเฟดยังใช้นโยบายผ่อนคลาย ด้านราคาน้ํามันดิบปรับเพิ่มขึ้นจากสต็อกน้อยรอติดตามงบ 2Q64 แต่มีปัจจัยลบคือ ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ไทยทํานิวไฮต่อเนื่อง ส่วนสหรัฐรอติดตาม GDP 2Q64 ที่คาดว่าจะออกมาดี +8.5% ระหว่างวันตลาดหุ้นยุโรปและ DJ Future บวก สําหรับหุ้นที่ปรับขึ้นแรง คือ DTAC, SCGP ปรับลงแรงคือ RBF และ EPG โบรกเกอร์ซื้อสุทธิ 0.6 พันลบ. รายย่อยขายสุทธิ 1.1 พันลบ. YTD ต่างชาติขายสุทธิ 93 พันลบ.

ปัจจัยบวก

  • ดาวโจนส์ปิดบวก 153.60 จุด ขานรับผลประกอบการสดใส แม้ GDP 2Q64 ต่ำคาด +6.5% แต่มองดี เฟดผ่อนคลายต่อไป, น้ํามันดิบ WTI บวกต่อ
  • วัคซีนไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดสมาถึงไทยแล้ว และคาดว่าสหรัฐจะบริจาคเพิ่มอีก 1 ล้านโดส แต่ยังไม่กําหนดส่ง รวมเป็น 2.5 ล้านโดส

ปัจจัยลบ

  • ศปก.ศบค.หารือมาตรการล็อกดาวน์ที่จะครบกําหนด 2 ส.ค.64 คาดว่าจะขยายเวลาอีก 14 วัน, มีข่าวภูเก็ตห้ามเข้าเมือง อาจกระทบภูเก็ต แซนด์บอกซ์
  • ตัวเลขผู้ติดเชื้อไทยเพิ่มวันนี้ยังสูงเป็น 17,345 ราย เสียชีวิต 117 ราย น้อยกว่าวานน้ี แต่ยังเป็นตัวเลขที่สูงอยู่ ขณะที่จํานวนเตียงและห้องไม่เพียงพอ

ปัจจัยที่น่าติดตาม

• ติดตามผลประกอบการไตรมาส 2/64 ช่วงนี้จะเป็นกลุ่มพลังงาน และวัสดุก่อสร้าง ที่ออกมาดีกว่าคาดคือ SCC แต่แย่กว่าคาดคือ PTTEP

กลยุทธ์:

คาด SET ผันผวน GDP สหรัฐ 2Q64 ต่ำคาด แต่มองดี, มีโอกาสต่ออายุล็อกดาวน์, วัคซีนไฟเซอร์มาเพิ่ม แม้ปัจจัยต่างประเทศเป็นบวก GDP สหรัฐที่ออกมาต่ำ ทําให้วางใจว่า เฟดคงนโยบายผ่อนคลายต่อไป และน้ํามันดิบยังปรับขึ้นต่อ เพราะสต็อกน้อย แต่เช้านี้ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านส่วนใหญ่ปรับลง และ DJ Futures อ่อนลง ไทยผู้ติดเชื้อ เสียชีวิตยังสูง และมีโอกาสต่ออายุล็อกดาวน์ที่จะหมด 2 ส.ค.64 แต่มีข่าวดีอยู่บ้างคือ ได้วัคซีนไฟเซอร์เพิ่มอีก 1 ล้านโดสจากการบริจาคของสหรัฐ ให้ระวังจุด Stop Loss ที่ 1535 จุด แต่หากรีบาวด์ต่อแนวต้านถัดไป 1545-1550 จุด ข่าวหลักทรัพย์คือ 1) TOP ลงทุนเพิ่มท่ีอินโดนีเซีย Chandra Asri คงคําแนะนํา ซื้อ 2) SCC กําไรดีกว่าคาดจากปิโตรเคมี แนะนํา ซื้อ 3) PTTEP กําไรต่ำกว่าคาด แต่มีจ่ายปันผลระหว่างกาล แนะนํา ซื้อ ส่วนหลักทรัพย์เก็งกําไร มีข่าว TIPCO กําลังไปได้ดีจากเครื่องดื่มทีเป็นฟ้าทะลายโจร และสมุนไพรประเภทอื่น แต่ซื้อขาย P/E เพียง 5 เท่า และปันผลสูง ส่วน BJC จะจําหน่าย Rapid Test แบบใช้น้ําลาย ซึ่งทดสอบง่ายกว่าการสว็อปแบบแยงจมูก คาดว่าจะขายดี รวมทั้ง ILINK ได้งานเพิ่มถึง 532 ล้านบาท เป็นงานสถานีไฟฟ้าของกฟภ. เป็นต้น

StockPickToday:

CHG ปีนีกําไรดีทุกไตรมาส คาดกําไร 2Q64F ทํานิวไฮท่ี 360 ล้านบาท +133%YoY และ +43%QoQ เพราะมีรายได้โควิดหนุนและรายได้เกี่ยวกับโควิดก็ยังคงสูงต่อใน 3Q64F หลังโควิดระบาดรุนแรงในระลอกที่ 3+4 ส่วนใน 4Q64F จะมีรายได้จากการฉีดวัคซีนทางเลือกเข้ามาด้วย ด้านอัตราการใช้เตียง IPD สําหรับผู้ป่วยโควิดและ Hospitel เต็มในเดือนมิ.ย.-ก.ค. 64 คาดว่ากําไรสุทธิปี 64F จะโตสูงถึง +49%YoY และทรงตัวในปี 65F กำหนดราคาพื้นฐานไว้ที่ 4.80 บาท

วิเคราะห์ทางเทคนิค: 

ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators ยังเป็นลบ {แม้ “ปิดบวก” ก็เล็กน้อย และอยู่ใต้ “SMA10วัน” ต่อเนื่อง (โดยมี “สัญญาณ Overbought + Divergence ในกราฟ รายวัน” กดดัน)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันน้ี “แกว่งลง” เป็นหลัก แต่ “ค่าบวก” (ถ้ามี/มี “Oversold + Divergence ในกราฟรายนาที” หนุน) จะช่วยให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน (แล้วจึงลงต่ำ, ตามมา) ได้ แนวต้าน 1550 – 1560 (หรือ 1570) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า1535” (แนวเด้งสั้น “1530 – 1520/1500”) จุด}

ปัจจัยต่างประเทศ

-/+ สหรัฐ: GDP 2Q64 ของสหรัฐขยายตัว 6.5% ดีกว่า 1Q64 ที่ 6.4% แต่ต่ำคาดที่ 8.5%

#กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่าตัวเลข GDP ไตรมาส 2/2564 ของสหรัฐขยายตัว 6.5% ซึ่งแม้ว่าดีกว่าในไตรมาส 1 ท่ีมีการขยายตัว 6.4% แต่ยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เอาไว้ที่ 8.5% โดยตัวเลข GDP ไตรมาส 2 ท่ีมีการเปิดเผยเมื่อคืนน้ีเป็นการประมาณการครั้งท่ี 1

+ สหรัฐ: GDP ที่ขยายตัวต่ำกว่าคาดของสหรัฐทําให้นักลงทุนคาดเฟดยังใช้นโยบายผ่อนคลาย

# นักวิเคราะห์จากบริษัทเชส อินเวสต์เมนท์ คอนเซล ในรัฐเวอร์จิเนียกล่าวว่า ตัวเลข GDP ท่ีขยายตัวต่ำกว่าคาดของสหรัฐทําให้นักลงทุนเชื่อว่า เฟดจะยังไม่ถอนนโยบายผ่อนคลายทางการเงินในระยะใกล้นี้ ซึ่งการแสดงความเห็นดังกล่าว สอดคล้องกับที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดได้แถลงต่อสื่อมวลชน

+ สหรัฐ: ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานฯลดลงสู่ระดับ 400,000 ราย จากก่อนหน้าท่ี 424,000 ราย

# กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงสู่ระดับ 400,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว จากระดับ 424,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้

– สหรัฐ: ดัชนีการทําสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายลดลง 1.9% ในเดือนมิ.ย.

# ทางด้านสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทําสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ลดลง 1.9% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน หลังพุ่งขึ้น 8.3% ในเดือนพ.ค.

+ ตลาดหุ้นสหรัฐ: ดาวโจนส์ปิดบวก 153.60 จุด ขานรับผลประกอบการสดใส

# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (29 ก.ค.) ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงฟอร์ด มอเตอร์ และยัม แบรนด์ส ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของพิซซ่า ฮัท และเคนตั๊กกี ฟรายชิกเก้น (KFC) นอกจากนี้ ตลาด ยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนมองว่าตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรฐัที่ขยายตัวต่ำกว่าคาด ในไตรมาส 2 อาจทําให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อไป

+ ตลาดน้ํามัน: WTI ปิดพุ่ง $1.23 รับสต็อกน้ํามันสหรัฐลดลงมากกว่าคาด

# สัญญาน้ํามันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (29 ก.ค.) ขานรับสต็อกน้ํามันดิบและสต็อกน้ํามันเบนซินของสหรัฐลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งบ่งชี้ว่าการแพร่ระบาดของ ไวรัสโควิด-19 แทบไม่ส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ํามัน

• ตลาดทองคํา: ปิดพุ่ง $31.2 รับดอลล์อ่อน-เฟดคงนโยบายการเงิน

# สัญญาทองคําตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 30 ดอลลาร์ ยืนเหนือระดับ 1,830 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (29 ก.ค.) โดยได้ปัจจัย หนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน นอกจากนี้ ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐที่ขยายตัวน้อยกว่าคาดในไตรมาส 2 ยังเป็นปัจจัย หนุนแรงซื้อทองคําในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

• ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐที่จะประกาศวันนี้

# ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกําหนดเปิดเผยในวันนี้ได้แก่ รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนมิ.ย., ดัชนีราคาการใช้ จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนมิ.ย., ดัชนีความเช่ือมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค. จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์

– ศปก.ศบค.หารือมาตรการล็อกดาวน์ที่จะครบกําหนด คาดว่าจะขยายเวลาอีก 14 วัน

# ท่ีประชุมศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) ได้หารือถึงมาตรการล็อกดาวน์ท่ีจะครบกําหนด 14 วัน ในวันท่ี 2 ส.ค.น้ี โดยจะพิจารณาเสนอให้ขยายเวลาต่อไปอีกเบื้องต้นเป็นเวลา 14 วัน ซึ่งอาจจะมีการประกาศผ่อน ปรนมาตรการบางจุด หรือเพิ่มความเข้มข้นในบางมาตรการ

– กระทรวงการคลังปรับลด GDP ไทยปี 64 ลงเหลือ +1.3% จากคาดการณ์เดิมที่ +2.3%

# กระทรวงการคลัง ปรับลด GDP ของไทยในปี 64 ลงเหลือขยายตัว 1.3% จากคาดการณ์เดิมที่ 2.3% เนื่องจากได้รับ ผลกระทบจากการระบาดระลอกใหม่ของโรคติดเช้ือไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การเดินทางระหว่างประเทศและจํานวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศท่ีจะเดินทางเข้ามาในประเทศไทย ขณะที่การส่งออกสินค้ามีแนวโน้มปรับตัวดีข้ึนตามการขยายตัวของเศรษฐกิจและปริมาณการค้าโลก คาดปีนี้ส่งออกจะขยายตัว 16.6% ส่วนในปี 65 คาดว่า GDP จะเร่งตัวข้ึนเป็น 4-5% หลังประเมินว่าสถานการณ์โควิดจะดีข้ึน

-/+ ค่าเงินบาท: สศค. คาด ณ ส้ินปี 64 จะเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 31.48 บาท/ดอลลาร์ และมีแนวโน้มอ่อนค่า

# สศค. คาด ณ ส้ินปี 64 ค่าเงินบาทจะเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 31.48 บาท/ดอลลาร์ (กรอบ 31-32 บาท/ดอลลาร์) อ่อนค่าลงจาก ปี 63 ท่ี -0.6% เป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของโควิดระลอกใหม่ ที่กระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 64 ทั้งน้ี เงินบาทในช่วงท่ีเหลือของปีน้ียังมีแนวโน้มอ่อนค่า จากผลของการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดที่จะเพิ่มข้ึน เนื่องจากรายได้จากการท่องเที่ยวยังไม่เข้ามา ประกอบกับมีแนวโน้มไหลออกของเงินทุนต่างประเทศ

+ ปลัดสาธารณสุขคาดการล็อกดาวน์จะช่วยชะลอจุดสูงสุดการใช้ทรัพยากร ยิ่งนานยิ่งดี

# ปลัดสาธารณสุข คาดสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ในไทย ระหว่างส.ค.-ธ.ค.64 โดยหากล็อกดาวน์ 1 เดือน (เริ่ม 19 ก.ค.64) คาดว่าจะสามารถชะลอจุดสูงสุดของการใช้ทรัพยากรถึงต้นเดือน ต.ค. และหากล็อกดาวน์ 2 เดือน คาด ว่าจะสามารถชะลอจุดสูงสุดของการใช้ทรัพยากรถึงปลายเดือนพ.ย. และหากมาตรการล็อกดาวน์ได้ผล และร่วมกับมาตรการวัคชีนในผู้สูงอายุได้ผลดี และดําเนินการได้รวดเร็ว ในเวลาไม่เกิน 2 เดือน น่าจะช่วยคงให้ความชุกของการใช้ เครื่องช่วยหายใจไม่เกิน 1,500 ราย/วัน และอุบัติการณ์การเสียชีวิตไม่เกิน 200 ราย/วัน ไปจนถึงเดือนธ.ค.

 

- Advertisement -