บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):

Action TRADING

TP upside (downside) -1.3%

Close Sep 13, 2022 Price (THB) 4.56

12M Target (THB) 4.50

What’s new?

  • กำไรสุทธิ 2Q65 ลดลง -27% QoQ และ -78% YoY อยู่ที่ 25 ลบ. เพราะรับรู้โครงการใหญ่เพียง 1 โครงการ เนื่องจากมีการเลื่อนส่งมอบไปเป็น 3Q65
  • กำไรสุทธิ 1H65 อยู่ที่ 60 ล้านบาท ลดลง -69% YoY จากฐานที่สูงผิดปกติในปีก่อน
  • ได้งานเพิ่มอีก 2 โครงการรวม 383.5 ลบ. หนุน Backlog เพิ่มเป็น 1,585 ลบ.

Our view

  • คาดกำไรสุทธิ 3Q65 ฟื้นตัว QoQ จากการส่งมอบโครงการใหญ่ได้มากขึ้น เพราะเป็นช่วงปลายงบประมาณปี 2565 และมีงานบางส่วนที่เลื่อนรับรู้รายได้จาก 2Q65
  • เราปรับคำแนะนำขึ้นเป็น Trading หลังจาก แนะนำขายตลอด 4 ไตรมาส เนื่องจากภาพรวมอุตสาหกรรมเริ่มฟื้นตัว และผลประกอบการของ BIZ จะกลับมาโตทั้ง QoQ, YoY ใน 4Q65

BUSINESS ALIGMENT กำไรสุทธิ 2065 เป็นจุดต่ำสุดของปี

กำไรสุทธิ 2Q65 ชะลอตัวจากฐานสูงผิดปกติในปีก่อน

กำไรสุทธิ 2Q65 อยู่ที่ 25 ล้านบาท ลดลง -27% QoQ และ -78% YoY จากรายได้รวมที่ -33% QoQ และ -65% YoY เหลือ 220 ล้านบาท เพราะมีการส่งมอบงานโครงการใหญ่เพียง 1 โครงการ จากที่ส่งมอบมากถึง 3 โครงการใน 2Q64 ขณะที่รายได้จากธุรกิจโรงพยาบาลรักษาโรคมะเร็งเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง +7% QoQ และ +27% YoY อยู่ที่ 24 ล้านบาท แต่ยังมีสัดส่วนเพียง 11% ของรายได้รวม จึงไม่สามารถชดเชยรายได้จากการขายอุปกรณ์การแพทย์ที่ลดลงได้ อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 22.1% เพิ่มขึ้นจาก 19.3% ใน 1Q65 เพราะรับรู้รายได้โครงการที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง แต่ลดลงจาก 25.9% ใน 2Q64 เพราะต้นทุนการนำเข้าสินค้าสูงขึ้นตามเงินบาทที่อ่อนค่าต่อเนื่อง ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง -11% QoQ และ -8% YoY เหลือ 16 ล้านบาท แต่คิดเป็น 7.2% ของรายได้รวม เพิ่มขึ้นจาก 5.4% ใน 1Q65 และ 2.7% ใน 2Q64 เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายคงที่ เช่น เงินเดือนพนักงานประจำที่ไม่ได้ปรับตัวลงตามยอดขาย กำไรสุทธิ 1H65 อยู่ที่ 60 ล้านบาท ลดลง -69% YoY จากรายได้รวมที่ลดลง -53% YoY เหลือ 546 ล้านบาท เนื่องจากฐานปีก่อนสูงผิดปกติ เพราะเป็นช่วงกระจุกตัวของการรับรู้รายได้ที่เลื่อนมาจากปี 2563

แนวโน้ม 3Q65 ยังชะลอ YoY แต่เริ่มฟื้น QoQ การเติบโตจะชัดอีกครั้งใน 4Q65

งานในมือ ณ วันที่ 12 ก.ย. 2565 เท่ากับ 1,585 ล้านบาท โดยบริษัทเพิ่งลงนามสัญญาซื้อขายครุภัณฑ์ทางการแพทย์อีก 2 โครงการจากโรงพยาบาลรัฐ 2 แห่ง รวม 383.5 ล้านบาท เมื่อ 23 ส.ค. 2565 ผู้บริหารคาดว่าจะรับรู้รายได้ต่อเนื่องถึงกลางปี 2566 โดยในช่วง 3Q65 จะกลับมาเร่งรับรู้รายได้อีกครั้ง เพราะมีบางโครงการเลื่อนมาจาก 2Q65 ทำให้แนวโน้มผลประกอบการ 3Q65 กลับมาโต QoQ แต่เทียบ YoY ยังลดลง จากผลของฐานที่สูงผิดปกติอีก 1 ไตรมาส ซึ่งหลังจากผ่าน 3Q65 ไปแล้ว เราคาดว่าผลประกอบการ 4Q65 จะกลับมาเติบโตทั้ง QoQ และ YoY จาก 1) การทยอยรับรู้งานในมือได้มากขึ้น ทั้งการเร่งตรวจรับงานเดิม และการเปิดประมูลงานใหม่ของภาครัฐ หลังจากชะลอตัวไปมากในปี 2563-2564 2) อัตรากำไรสุทธิของธุรกิจโรงพยาบาลที่ปรับตัวดีขึ้น จากการนำเงินเพิ่มทุนไปชำระหนี้เพื่อลดดอกเบี้ย

ราคาหุ้นปรับตัวลงใกล้ระดับราคาเหมาะสม ปรับคำแนะนำเป็น Trading

เราปรับคำแนะนำขึ้นเป็น Trading หลังจากเราแนะนำขายต่อเนื่องในช่วง 4 ไตรมาสก่อนหน้า จนราคาหุ้นปรับตัวลงมาใกล้เคียงราคาเหมาะสมปี 2565 ที่ 4.50 บาท อิง PER ที่ 15 เท่า โดยประเมินว่าที่ระดับราคาหุ้นปัจจุบันมี Downside จำกัด เพราะ 1) ผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดของปีไปแล้วใน 2Q65 2) ภาครัฐมีการจัดสรรงบประมาณด้านสาธารณสุขปี 2566 ที่ 1.56 แสนล้านบาท แม้จะเพิ่มขึ้นเพียง 1.5% YoY แต่การที่งบไม่ถูกดึงไปใช้ในการคุม COVID-19 เหมือนปี 2563-2565 ส่งผลให้งบประมาณสำหรับการจัดซื้อครุภัณฑ์ทางการแพทย์มีโอกาสเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ 3) เงินบาทมีแนวโน้มกลับมาแข็งค่าใน 2H65 จากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง เป็นผลดีต่อต้นทุนการนำเข้าเครื่องมือแพทย์ในระยะถัดไป

ความเสี่ยง การอนุมัติโครงการที่ล่าช้าจากปัจจัยทางการเมืองในประเทศ และปัญหาขาดแคลนชิปคอมพิวเตอร์ที่เริ่มกระทบอุปกรณ์ทางการแพทย์

- Advertisement -