บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):

Action BUY (Maintain)

TP upside (downside) +27.8%

Close Sep 14, 2022 Price (THB) 7.20

12M Target (THB) 9.20

Previous Target (THB) 7.90

What’s new?

  • 2Q65 รายงานกำไร 2 ล้านบาท ดีขึ้นเทียบกับขาดทุน 21 ล้านบาทใน 1Q65 หนุนจากธุรกิจโรงแรมที่ฟื้นตัวแรง ชดเชยการชะลอตัวของรายได้ธุรกิจอสังหาฯ จากยอดโอนกรรมสิทธิ์ Residence ที่ลดลง
  • คาดผลประกอบการ 3Q65 ฟื้นตัวตามการเปิดประเทศ สะท้อนในตัวเลขเดือนก.ค. ส.ค.65 ของ So Bangkok (โรงแรมหลัก) มี Occ. Rate ที่ 70% จาก 51% ใน 2Q65

Our view

  • เราปรับลดประมาณการกำไรปกติปี 2565-66 ลง 40% และ 37% ตามลำดับ หลักๆ จาก 1) ปรับลดรายได้และ GPM ของธุรกิจพัฒนาอสังหาฯ และ 2) ปรับเพิ่ม SG&A to Sales
  • คงคำแนะนำ “ซื้อ” ปรับไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2566 ที่ 9.20 บาทต่อหุ้น (อิง EV/EBITDA เดิมที่ 12x) VRANDA เป็นหุ้น Domestic play ที่ราคายังไม่แพง นักลงทุนอาจทยอยสะสมก่อนเข้าสู่ High Season ของการท่องเที่ยวไทย

VERANDA RESORT (VRANDA) หุ้นโรงแรม Domestic Play ที่ราคายังถูกกว่ากลุ่ม

ผลประกอบการกลับมารายงานกำไรปกติอีกครั้งใน 2Q65

VRANDA รายงานกำไรใน 2Q65 ที่ 2 ล้านบาท ใกล้เคียงกับที่เราคาดการณ์ ผลประกอบการดีขึ้นเทียบกับขาดทุน 21 ล้านบาทใน 1Q65 และขาดทุน 35 ล้านบาทใน 2Q64 สรุปสาระสำคัญดังนี้ 1) ธุรกิจโรงแรมรายได้อยู่ที่ 226 ล้านบาท (+50%QoQ, +269%YoY) รายได้เติบโตจากแรงหนุนสำคัญ คือ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฟื้นตัว ใน 2Q65 ตัวเลข Occ. Rate ปรับขึ้นมาที่ 51% เทียบกับ 33% ใน 1Q65 และ 16%ใน 2Q64 ทำให้ RevPar เฉลี่ยทำได้ที่ 1,395 บาท (+142% YoY) ธุรกิจโรงแรมมี EBITDA เพิ่มขึ้นจาก 1Q65 ที่ 25 ล้านบาท เป็น 65 ล้านบาทใน 2Q65 2) ธุรกิจพัฒนาอสังหาฯ รายได้อยู่ที่ 49 ล้านบาท -55%QoQ, -78%YoY) รายได้ลดลงตามจำนวนห้องรอโอนกรรมสิทธิ์โครงการหัวหินมีน้อยลง 3) ธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มรายได้อยู่ที่ 30 ล้านบาท (+8%QoQ, +36%YoY) และ 4) SG&A อยู่ที่ 88 ล้านบาท )+11% QoQ, +17%YoY) SG&A/ sales อยู่ที่ 28% สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต หลักๆ จากค่าใช้จ่ายด้านพนักงานที่สูงขึ้น เพราะผลของการกลับมาเปิดกิจการเต็มตัว ผลประกอบการ 1H65 ขาดทุนปกติ 20 ล้านบาท เทียบกับประมาณการเดิมของเราที่คาดกำไรปกติทั้งปี 2565 ที่ 41 ล้านบาท

ธุรกิจโรงแรมฟื้นตัวเด่น…แต่ธุรกิจอสังหาฯ ต้องรอแรงหนุนจากโครงการใหม่

สำหรับธุรกิจโรงแรมแนวโน้มช่วง 2H65 เราคาด VRANDA จะรายงานผลประกอบการที่ดีขึ้น ตามภาพการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวในไทย หลังตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนส.ค. 65 รายงาน (อย่างไม่เป็นทางการ) ที่ 1.4 ล้านราย หรือคิดเป็นการฟื้นตัวกลับมาใกล้เคียง 50% ของช่วง Pre-COVID-19 แล้ว คาดหนุนให้ผลประกอบการของโรงแรม SO Bangkok ซึ่งเป็นโรงแรมหลักฟื้นตัวได้สะท้อนจาก Occ. Rate ที่ 51% ใน 2Q65 ปรับขึ้นมาเป็น 70% ในเดือนก.ค.-ส.ค. 65 และคาด VRANDA จะได้แรงส่งอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 4Q65 หนุนจากการเข้าสู่ช่วง High Season ของประเทศไทย

แม้ธุรกิจโรงแรมกำลังเข้าสู่รอบการฟื้นตัวที่ชัดเจน แต่ในระยะ 1-2 ปีจากนี้ ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จะยังไม่โดดเด่นเหมือนที่ผ่านมา เนื่องจากโครงการอสังหาฯ เหลือขายเพียงโครงการเดียวที่หัวหิน มียอดเหลือขายราว 10% ขณะที่โครงการใหม่ที่ภูเก็ต (โรงแรม 160 ห้อง และอสังหาฯ มูลค่าโครงการ 1 พันล้านบาท) คาดเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ Residence ช่วง 1H67 และส่วนต่อขยายติดกับโรงแรมที่หัวหิน (โรงแรม 3 วิลล่าและอสังหาฯ มูลค่าราว 350 ล้านบาท) คาดจะเริ่มโอนกรรมสิทธิ์โครงการ Residence ในช่วง 2H66

ปรับลดประมาณการปี 2565-66 หลักๆ ในส่วนธุรกิจพัฒนาอสังหาฯ และ SG&A

เราปรับลดประมาณการกำไรปกติปี 2565 ลง 40% จากคาดกำไรปกติ 41 ล้านบาท เป็น 24 ล้านบาท และปรับกำไรปกติปี 2566 ลง 37% จากคาดกำไรปกติ 119 ล้านบาท เป็น 76 ล้านบาท หลักๆ จาก 1) ปรับลดสมมติฐานรายได้ธุรกิจพัฒนาอสังหาฯ ในปี 2565-66 ลง เพื่อให้สะท้อนการโอนกรรมสิทธิ์และการขายส่วนที่เหลือของโครงการหัวหินที่เกิดขึ้นช้ากว่าคาด ตามภาวะที่ดอกเบี้ยกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น กระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค อีกทั้งเราปรับลดอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจอสังหาฯ ในปี 2565-66 ลงจาก 26% และ 30% เป็น 24% และ 28% และ 2) ปรับเพิ่มสมมติฐาน SG&A to sales ขึ้นเป็น 27% และ 26% จากเดิมคาดราว 24% เพื่อให้สะท้อนค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานที่สูงขึ้นตามการฟื้นตัวของธุรกิจโรงแรม

คงคำแนะนำ “ซื้อ” ปรับไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2566 เป็น 9.20 บาทต่อหุ้น

เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” แต่ปรับไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2566 ที่ 9.20 บาทต่อหุ้น อิง EV/EBITDA เดิม ซึ่งเท่ากับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี (ช่วงปี 2558-62) ของกลุ่มโรงแรมที่ 12x VRANDA เป็นหนึ่งในหุ้นที่ได้รับประโยชน์โดยตรงหลังประเทศไทยกลับมาเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเต็มตัว เนื่องจากโรงแรมหลักอยู่ในกรุงเทพฯ และพึ่งพานักท่องเที่ยวต่างชาติสูงหรือคิดเป็นสัดส่วนราว 90% ในช่วง Pre-COVID-19 ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อ ขาย บน EV/EBITDA ที่ 10.6x ของปี 2566 (ปีที่เราคาดจะกลับสู่ภาวะปกติ) เทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มโรงแรมที่พึ่งพาการท่องเที่ยวในประเทศที่ 13x สะท้อนว่าหุ้นยังถูกและยังไม่ได้สะท้อนภาพการเปิดประเทศเต็มตัวในปี 2566

ความเสี่ยงสำคัญ ได้แก่ 1) เกิดการระบาด COVID-19 สายพันธุ์ใหม่ที่รุนแรง และ 2) การกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติล่าช้ากว่าคาด

- Advertisement -