บล.เคจีไอ (ประเทศไทย): 

Energy Sector: ฤดูหนาวที่ไม่ปกติกำลังจะมา

Event

เรายังคงให้น้ำหนักหุ้นกลุ่มพลังงานที่ Overweight โดยเลือก Banpu Pel (BANPU.BK/BANPU TB)* และ PTG Energy (PTG.BK/PTG TB)* เป็นหุ้นเด่นเพียงสองตัวในกลุ่มนี้

Impact

ตลาดนํ้ามันดิบ: อุปทานน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจาก OPEC+

เราคาดว่าราคาน้ำมันดิบจะลดลงใน 2H65F เนื่องจากจะมีอุปทานน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นจาก OPEC โดย OPEC+ ผลิตน้ำมันเพิ่ม 260KBD MoM เป็น 42.8MBD ในเดือนสิงหาคม ต่ำกว่าเป้าที่ประกาศเอาไว้ถึง 3.6MBD ทำให้ยังเหลือช่องให้เพิ่มการผลิตขึ้นได้อีกในช่วงที่เหลือของปีนี้ ทั้งนี้มีเพียงชาอุดิอาระเบีย และ UAE เท่านั้นที่มีศักยภาพที่จะเพิ่มการผลิตได้อย่างมีนัยสำคัญ แต่อย่างไรก็ตาม OPEC+ ตัดสินใจลดการผลิตลงเล็กน้อย 100KBD ในเดือนตุลาคม ในขณะเดียวกัน หากสหรัฐยกเลิกการคว่ำบาตรนิวเคลียร์ของอิหร่าน เราเชื่อว่าอิหร่านจะเร่งการผลิตขึ้นอีก 1.3MBD จากระดับปัจจุบันที่ 2.5MBD นอกจากนี้ เรายังคาดว่าอุปสงค์น้ำมันดินโลกจะชะลอลง เนื่องจากมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างอ่อนๆ ขึ้นในยุโรป หลังจากที่รัสเซียหยุดส่งก๊าซผ่านท่อ Nard Stream 1 อย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม โดยยังไม่มีกำหนดจะกลับมาส่งก๊าซใหม่ เรายังคงสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบปี 2565/66F เอาไว้เท่าเดิมที่ US$100/85/bbl ในขณะที่ราคาลดลง HoH มาอยู่ที่ประมาณ US$97/bbl จาก US$102/bbl ใน 1H65

ตลาดโรงกลั่น: ค่าการกลั่นลดลงกลับมาอยู่ระดับปกติใน 3Q65F แต่ยังดีกว่าช่วงก่อน COVID ระบาด

spread ของน้ำมันเบนซินลดลงถึง 60% QoQ เหลือ US$14.0/bbl ใน 3QTD65 เนื่องจากอุปสงค์ของสหรัฐชะลอตัวลง และภาวะตลาดเป็นลบจากความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจถดถอย นอกจากนี้ read ของน้ำมันเครื่องบินยังลดลง 10% QoQ เหลือ US$35.4/bbl และ spread ของน้ำมันดีเซลยังลดลง 13%QoQ เหลือ US$37.5/bbl แต่ spread ของน้ำมันเครื่องบินและน้ำมันยังอยู่ในระดับมาก (สูงกว่า US$20/bbl) เนื่องจากอุปสงค์ฟื้นตัวขึ้นหลังจากที่หลายประเทศผ่อนคลายเกณฑ์ควบคุมการเดินทาง และสต็อกน้ำมันเครื่องบินและน้ำมันดีเซลอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง ในขณะเดียวกัน Bloomberg รายงานเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า กำลังพิจารณาเพิ่มโควตาการส่งออกน้ำมันสําเร็จรูป 15 ล้านตัน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจีน ซึ่งหากมีการอนุมัติโควตาใหม่จริงจะทำให้โควตาการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปรวมเพิ่มขึ้นเป็น 33 ล้านตัน เท่ากันเมื่อปี 2564 จะเป็นการกลับทิศนโยบายที่จะเน้นลดการปล่อยมลพิษ และส่งผลทำให้ spread ของน้ำมันเครื่องบินและน้ำมันดีเซลลดลงอย่างมีนัยสำคัญเหลือเพียงประมาณ US$20/bbl ในปัจจุบัน แต่อย่างไรก็ตาม เรายังคงมองบวกกับแนวโน้มธุรกิจโรงกลั่น เพราะเราเชื่อว่า pread ของน้ำมันเครื่องบินและน้ำมันดีเชลจะฟื้นตัวขึ้นมาอยู่ระดับเหนือ US$30/bbl ตั้งแต่ 4Q65 เป็นต้นไป เนื่องจาก i) ราคาก๊าซในยุโรปและเอเชียวิ่งขึ้นมาแรงมาก, ii) กำลังจะเข้าสู่ช่วงที่อุปสงค์นํ้ามันดีเซลสูงตามฤดูกาลในหน้าหนาว และ iii) EU จะแบนการนำเข้าน้ำมันสําเร็จรูปจากรัสเซีย 1.3MBD ในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2566

ตลาดปิโตรเคมี: มีกำลังการผลิต olefins และ aromatics เพิ่มเข้ามาในตลาดเป็นจำนวนมากใน 2H65

เรายังคงมองลบกับแนวโน้มของทั้ง olefins และ aromatics เนื่องจากจะมีกำลังการผลิต PE ใหม่ 10.0MTA, กำลังการผลิต PP ใหม่ 7.0MTA, กำลังการผลิต PX ใหม่ 7.2MTA และกำลังการผลิต BZ ใหม่ 3.5MTA เพิ่มเข้ามาในตลาดในปีนี้ ซึ่งอุปทานใหม่ในปีนี้ส่วนใหญ่จะเริ่มทำการผลิตใน 2H65 นอกจากนี้ ยอดผู้ติดเชื้อ COVID-19 ที่เพิ่มขึ้นและการใช้มาตรการ lockdown ในประเทศจีน รวมถึงความกลัวว่าจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยยังเป็นปัจจัยที่เพิ่มแรงกดดันต่ออุปสงค์ของปิโตรเคมี ทั้งนี้ spread ของ HDPE และ PP ใน 3QTD65 ลดลง 16% QoQ เหลือ US$390/ton และ 25% QoQ เหลือ US$383/ton ซึ่งถือเป็นระดับที่ต่ำมาก (ต่ำกว่า US$500/ton และ US$550/ton ตามลำดับ) ดังนั้น เราจึงเชื่อว่าผู้ผลิต olefins ที่ใช้ naphtha เป็นวัตถุดิบจะถูกบีบให้ลดอัตราการใช้กำลังการผลิตลง นอกจากนี้ spread ของ PX-over-condensate ยังลดลง 16% QoQ เหลือ US$273/ton และ spread ของ BZ-over-Condensate ลดลงถึง 52% QoQ เหลือ US$157/ton ใน 3QTD65 ซึ่งถือเป็นระดับที่ต่ำ (ต่ำกว่า US$350/ton และ US$250/ton ตามลำดับ)

Valuation and action

เรายังคงเลือก BANPU และ PTG เป็นสองหุ้นเด่นในกลุ่มพลังงาน

เราชอบ BANPU มากที่สุดในกลุ่มพลังงาน เพราะเราเชื่อว่าราคาถ่านหินจะยืนอยู่ในระดับที่สูงมาก เหนือ US$300/ton ไปตลอดฤดูหนาวปีนี้ เนื่องจาก i) อุปทานถ่านหินตึงตัวมากขึ้นหลังจากที่ EU แบนการนำเข้าถ่านหินจากรัสเซีย และ ii) อุปสงค์ถ่านหินแข็งแกร่งมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจาก EU หลังจากที่เกิดภาวะก๊าซขาดแคลนในยุโรป ในขณะที่เราเลือก PTG เป็นหุ้นเด่นอันดับสองในกลุ่มพลังงาน เพราะเราคาดว่าการใช้น้ำมันในประเทศไทยจะทยอยขยับเพิ่มขึ้นทุกไตรมาสตามการกลับมาเปิดประเทศ ทั้งนี้นักวิเคราะห์กลุ่มท่องเที่ยวของ KGI คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้จะอยู่ที่ 11.0 ล้านคน และจะเพิ่มเป็น 25.0 ล้านคนในปีหน้า ซึ่งหมายความว่าปริมาณการใช้น้ำมันในประเทศมีแนวโน้มจะแข็งแกร่งมากขึ้น นอกจากนี้ ค่าการตลาดน้ำมันของอุตสาหกรรมยังดีขึ้น และทรงตัวอยู่ในระดับสูง หลังจากที่รัฐบาลไทยตัดสินใจลอยตัวราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลให้สูงกว่า 30 บาท/ลิตร ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปีนี้ ยิ่งไปกว่านั้น PTG ยังมีแผนจะนำบริษัทลูกสองแห่งในธุรกิจ LPG และไบโอดีเซลเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในปีหน้า ซึ่งน่าจะทำให้หุ้น PTG ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น

สําหรับธีมการกลับมาเปิดประเทศไทย เราคาดว่า Bangkok Aviation Fuel Services (BAFS.BK/BAFS TB) และ PTT Oil and Retail Business (OR.BK/OR TB)* จะได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวของการใช้น้ำมันในประเทศด้วย แต่อย่างไรก็ตาม เราชอบ PTG มากที่สุดในกลุ่มธุรกิจปลายน้ำ ในขณะเดียวกันเราคาดว่ากำไรของโรงกลั่นสี่แห่ง ซึ่งได้แก่ Star Petroleum Refining (SPRC.BK/SPRC TB)*, ESSO Thailand (ESSO.BK/ESSO TB)*, Thai Oil (TOP.BK/TOP TB)* และ Bangchak Corporation (BCP.BK/BCP TB)* จะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ QoQ ใน 3Q65F เนื่องจาก i) market GRM ลดลงจากระดับที่สูงมากใน 2Q65 และ ii) มีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน iii) เพิ่มขึ้นหลังจากที่ราคาน้ำมันดิบลดลง แต่อย่างไรก็ตาม เรายังคงชอบกลุ่มโรงกลั่น เพราะเราเชื่อว่าค่าการกลั่นจะฟื้นตัวขึ้น QoQ ใน 4Q65 เพราะอุปสงค์น้ำมันดีเซลจะสูงตามฤดูกาลในหน้าหนาว และราคาก๊าซพุ่งสูงขึ้นอย่างมากทั้งในยุโรปและเอเชีย ดังนั้นนักลงทุนอาจจะรอจนกว่าหุ้นโรงกลั่นทั้งสี่จะประกาศผลประกอบการ 3Q65 ออกมาก่อนก็ได้

เราไม่ชอบกลุ่มปิโตรเคมีเพราะจะมีอุปทาน olefins และ aromatics เพิ่มเข้ามาในตลาดเป็นจำนวนมากในปีนี้ ซึ่งส่วนใหญ่จะเริ่มทำการผลิตใน 2H65 ทำให้ spread ของ HDPE, PP, PX และ BZ จึงค่อนข้างต่ำอยู่ในขณะนี้ ดังนั้นเราแนะนำให้หลีกเลี่ยง PTT Global Chemical (PTTGC.BK/PTTGC TB)* และ IRPC Pcl. (IRPC.BK/IRPC TB)* ในขณะที่ราคาหุ้น Indorama Ventures (IVL.BK/IVL อาจจะถูกกดดันจากภาวะตลาดที่เป็นลบ จากความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะขาดแคลนก๊าซในยุโรป แม้ว่า spread ของ PTA และ PET จะยังอยู่ในระดับดีใน 3Q65 เนื่องจากอุปทานจากจีนตึงตัวและอุปสงค์แข็งแกร่ง โดยกำไรประมาณ 13% ของ EBITDA รวมของ IVL มาจากยุโรป นอกจากนี้ เรายังคาดว่าราคาน้ำมันดิบจะลดลงใน 2H65 ทำให้เรายังคงคำแนะนำถือ PTT Exploration & Production (PTTEP.BK/PTTEP TB)* และซื้อ PTT Pcl. (PTT.BK/PTT TB)* โดยคาดว่าอัตราผลตอบแทนจาก เงินปันผลตามราคาตลาดในปัจจุบันจะอยู่ในระดับสูงที่ 5.6% และ 6.5% ตามลำดับ

- Advertisement -