บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):

MAJOR CINEPLEX GROUP วิกฤต COVID กดดันกำไร…รอฟื้นจริงปีหน้า

What’s new?

  • คาด 2Q64 ยังคงขาดทุน จากผลกระทบ ของ COVID-19 แต่ถือว่าขาดทุนลดลง จากปีก่อนทรี่มีการปิดโรงหนัง 2 เดือน
  • แนวโน้ม 3Q64 รับผลกระทบเต็มๆ จากการ Lockdown ปิดโรงหนัง แต่มีบันทึกกําไรพิเศษจากการขายหุ้น SF เข้ามา
  • เราคาดสถานการณ์จะเร่ิมดีขึ้นในปลายปี และ turnaround ปีหน้าหลัง COVID คลี่คลาย และหนังฟอร์มใหญ่เลื่อนไปฉาย

Our view

  • เราแนะนํา “เก็งกําไร” เรามองว่าผล ประกอบการใน 2Q64 – 3Q64 ยังถูกกดดัน จากการแพร่ระบาด COVID-19 แต่จะพลิกกลับมาเป็นบวกในปีหน้า ขณะท่ีคาดหวังปันผลพิเศษในปีนี้ เรามีการปรับมูลค่าพื้นฐานปี 2565 ท่ี 23.60 บาท จากเดิมท่ี 21.40 บาท โดยปรับวิธีประเมินมูลค่าจากเดิมท่ีค่อนข้างอนุรักษ์อิง P/E เฉลี่ยที่ 20x เป็นวิธี DCF สมมติฐาน WACC ท่ี 7.4%

Action

TRADING

TP upside (downside): 16%

Close Jul 29, 2021- Price: (THB) 20.30

12M Target (THB): 23.60

Previous Target (THB): 21.40

คาด 2Q64 ยังขาดทุนจากผลกระทบ COVID แต่ดีขึ้น YoY

เราคาดใน 2Q64 บริษัทมีผลขาดทุนที่ 288 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มจากไตรมาสก่อนที่ 120 ล้านบาท แต่ลดลงจาก 2Q63 ท่ีขาดทุน 475 ล้านบาท ผลประกอบการแย่ลง QoQ เนื่องจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ระลอก 3 ที่รุนแรงมากขึ้นจากไตรมาสแรก ส่งผลให้รายได้ปรับลดลง 50%QoQ เหลือ 430 ล้านบาท และผลจากรายได้ท่ีลดลงส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นติดลบ 21% เทียบ 1Q64 ท่ีติดลบ 12.1% เทียบกับ 2Q63 ขาดทุนลดลงเนื่องจากฐานท่ีต่ำซึ่งมีการ Lockdown ในช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค.ซึ่งทำให้รายได้ฟื้นตัว 106%YoY

3Q64 กระทบเต็มๆ Lockdown แต่มีบันทึกกำไรพิเศษจากการขาย SF

แม้ว่าอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในตลาดโลกเริ่มมีทิศทางดีขึ้นจากภาพยนต์ฟอร์มใหญ่ที่เริ่มกลับเข้ามาฉาย อาทิ Black window ที่เข้าฉายแล้วในบางประเทศ พร้อมสตีมมิ่ง และ Fast and Furious9 ที่รอฉาย ซึ่งเดิมใน ประเทศไทยมีเลื่อนมาฉายในปลายเดือนก.ค.และในเดือนส.ค.ตามลำดับ รวมถึงภาพยนต์ไทยฟอร์มดี “ร่างทรง” ท่ีร่วมทุนสร้างระหว่าง GTH และเกาหลี บ.Showbox ท่ีไปทำรายได้เปิดตัวเป็นอันดับ 1 ที่เกาหลี แต่น่าเสียดายท่ีบ้านเราได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาด COVID-19 ระลอก 4 ที่รุนแรง ทำให้รัฐบาลประกาศ Lockdown จึงคาดว่าภาพยนต์ทั้งหมดดังกล่าวจะเลื่อนฉายออกไปยังไม่ทราบกำหนดการที่แน่ชัด ซึ่งทำให้เรามองว่าสถานการณ์ใน 3Q64 จะคล้ายกับ 2Q63 ที่มีปิดโรงภาพยนต์ทั้งหมด ซึ่งคาดว่าจะเป็นไตรมาสที่แย่สุดของปี ส่วนปลายปีแม้คาดว่าสถานการณ์จะดีขึ้น แต่เรามองว่าผู้ชมยังไม่กลับเข้าโรงภาพยนต์เหมือนช่วงปกติ ทำให้ภาพรวมเราประมาณการปี 2564 บริษัทจะมีผลขาดทุน 743 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากการขายหุ้น SF จะทำให้บริษัทรับรู้เงินสดเข้ามา 7,765.90 ล้านบาท และบันทึกกำไรพิเศษ หลังภาษีใน 3Q64 จำนวน 2,824 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรสุทธิปี 2564 อยู่ที่ 2,081 ล้านบาท พลิกจากขาดทุนปีก่อนที่ 527 ล้านบาท (ปรับประมาณการจากเดิมที่คาดกาไรสุทธิ 387 ล้านบาท โดยปรับประมาณการรายได้ลดลง 44% จากผลกระทบแพร่ระบาด COVID ที่รุนแรงกว่าคาด และรวมรายการพิเศษจากการขายหุ้น SF)

คาดปี 2565 จะฟื้นเด่นจากฐานที่ต่ำ

เรามองว่าปี 2565 ผลประกอบการจะฟื้นตัวเด่นจากฐานที่ต่ำ ซึ่งภาพยนต์ฟอร์มใหญ่รอเข้าฉายจำนวนมาก เราคาดผู้ชมจะกลับมาอยู่ระดับ 70-80% ของระดับปกติก่อนวิกฤต COVID-19 โดยคาดรายได้ ท่ี 7,736 ล้าน บาท +225%YoY ส่วนประเด็นผลกระทบจากส่วนแบ่งกำไร SF ที่ลดลงจะถูกชดเชยกับผลของดอกเบี้ยจ่ายท่ีลดลงจากการนำเงินจากการขายหุ้นบางส่วนไปชำระหนี้ และบริษัทชี้แจงว่าผลตอบแทนท่ีได้จากการนำเงินไปลงทุนจะครอบคลุมส่วนแบ่งกำไรที่ลดลง เราประมาณการผลประกอบการพลิกมามีกำไร 932 ล้านบาท

แนะนํา “เก็งกําไร” ปีนี้รอลุ้นปันผลพิเศษ ปีหน้ากําไรฟื้น

แนวโน้มผลประกอบการในปี 2564 ถูกกระทบจาก COVID-19 ซึ่งอุตสาหกรรมโรงภาพยนต์ถือว่าได้รับผลกระทบโดยหนักสุดจากการ Lockdown อย่างไรก็ตาม ผลจากการขายหุ้น SF ทำให้บริษัทได้รับกระแสเงินสดเข้ามา และเราคาดว่าบริษัทมีโอกาสจ่ายปันผลพิเศษ เราอิงสมมติฐานที่ 60% หรือราว 1.40 บาทต่อหุ้น คิดเป็น dividend yield ราว 6.9% ขณะที่เราคาดหวังผลประกอบการจะกลับมาเติบโตโดดเด่นในปี 2565 จากฐานที่ต่ำ ซึ่งคาดว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดจะดีขึ้น เรามีการปรับมูลค่าพื้นฐานปี 2565 ที่ 23.60 บาท จากเดิมท่ี 21.40 บาท โดยปรับวิธีประเมินมูลค่าจากเดิมท่ีค่อนนข้างอนุรักษ์อิง P/E เฉลี่ยท่ี 20x เป็นวิธี DCF สมมติฐาน WACC ท่ี 7.4%

- Advertisement -