KS Daily View 22.09.2022 > Fed ขึ้นดอกเบี้ยฯ 75 bps ตลาดกลับมาให้น้ำหนักสงครามรัสเซีย-ยูเครน /ความกังวล Recession กรอบ SET 1616 -1640 จุด หุ้นแนะนำ GPSC, EKH

ประเด็นที่เกิดขึ้นเมื่อวาน

ต่างประเทศ : ผลประชุม Fed เมื่อคืนขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 75bps ตามคาด  ขึ้นมาอยู่ระดับ 3-3.25% แต่ตลาดหุ้นสหรัฐปรับลง ดัชนี Dow Jones -1.7%, NASDAQ -1.79% โดยกลุ่ม Consumer Discretionary -2.4%, Communication Service -2.3%, Materials -2.1%, Financials -2.1% เนื่องจาก Fed ส่งสัญญาณ Hawkish ชัดเจน  คือ Fed ต้องการกดเงินเฟ้อลงมาที่เป้าหมายระดับ 2% (เงินเฟ้อสหรัฐ ล่าสุด เดือน ส.ค. อยู่ที่   8.3%YoY) ซึ่งก็คือการขึ้นดอกเบี้ยมากขึ้น  โดย Dot plot ของ Fed คาดอัตราดอกเบี้ยสหรัฐสิ้นปีนี้จะอยู่ที่ 4.4% (เทียบกับ Dot plot ของรอบ มิ.ย. คาด 3.4%) และดอกเบี้ยสหรัฐสิ้นปี 2023 จะอยู่ที่ 4.6%(รอบ มิ.ย. คาด 3.8%) นั่นหมายความว่า Fed จะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1.25% ภายในปีนี้) ในการประชุมที่เหลือในปีนี้อีก 2 ครั้ง คือ รอบ พ.ย. และ ธ.ค. คาด Fed จะขึ้นดอกเบี้ย 75 : 50 bps โดย Fed เผยว่าการขึ้นดอกเบี้ยจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัว เห็นได้จากการปรับลด GDP สหรัฐปี 2022 มาที่ 0.2%YoY จากรอบที่แล้วคาด 1.7%, ปี 2023 ปรับลดมาที่ 1.2%YoY จาก 1.7% และปี 2024 ปรับลดมาที่ 1.7% จาก 1.9% และคาดตลาดแรงงานชะลอ อัตราว่างงานสหรัฐ ปี 2022 เพิ่มเป็น  3.8% จาก 3.7% ปี 2023 ปรับเพิ่มที่ 4.4% จาก 3.9%

ในประเทศ : SET Index เมื่อวานแกว่งตัวขึ้น(-0.31%DoD) Sector ที่ปรับลงหลักๆ คือกลุ่ม โรงไฟฟ้า BGRIM -4.2%, EA-2.2%, กลุ่มวัสดุก่อสร้าง SCC-2.7%  ส่วน Sector ที่ขึ้นเด่นคือกลุ่ม ICT  อาทิ  DTAC  +4.6%, TRUE +2.1%,  ADVANC +1.3%, กลุ่มพลังงาน PTTEP+2.9%,BANPU +2.2%

ประเด็นที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้

ต่างประเทศ :  ติดตามประเด็น Geopolitics Risk คือสงครามรัสเซีย – ยูเครนกลับมาอีกครั้ง ล่าสุด ประธานาธิบดีรัสเซีย ปูตินประกาศการระดมกำลังทหารกองหนุน 3 แสนนายเข้าสู่สมรภูมิยูเครน ทำให้ความกังวล Geopolitics Risk กลับมาอีกครั้ง เป็นปัจจัยหนุนราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ปรับเพิ่มขึ้น KS ประเมินเป็น Sentiment บวกระยะสั้นต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยหุ้นเด่นกลุ่มพลังงานเราเลือก BANPU, ESSOและ TOP ส่วนกลุ่มที่ได้ Sentiment ลบคือกลุ่ม  Anti commodity

ส่วนในประเทศ :

1.) วันนี้สรรพสามิตเตรียมชงบอร์ดอีวี เคาะโครงสร้างภาษีแบตเตอรี่ใหม่หนุนอุตสาหกรรมรถอีวี โดยอาจเว้นภาษีแบตรีไซเคิล จากปัจจุบันจัดเก็บอยู่ที่ 8% หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้มีการนำเสนอมาตรการสนับสนุนผู้ผลิตแบตอีวี โควตา 1 GW ให้วงเงินช่วยเหลือสูงสุด 600 ล้านบาท มองหุ้นที่เกี่ยวข้องโดยตรงคือ EA (1GW เป็น 2GW ภายใน ไตรมาส 4/2565 และเป็น 4GW ภายในปี 2566), GPSC (เป้า 1 GW) ได้ประโยชน์สูงสุด

2.) 23 ก.ย.ที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่คาดมีการออกมาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศใหม่ๆ มองเป็น sentiment บวกต่อกลุ่มท่องเที่ยว โดยทาง KS คาดการณ์เบื้องต้นว่ามาตรการของรัฐจะออกมาในรูปแบบ  อาทิ  การโปรโมทประเทศไทย, การจัดงาน Event ในประเทศเพื่อดึงดูดต่างชาติ เป็นประเด็นที่ต้องติดตาม โดยหุ้น Top pick ในกลุ่มท่องเที่ยวของ KS คือ AWC และ ERW

กลยุทธ์การลงทุน :

KS ยังคงมุมมองเดิมไม่เปลี่ยน คือ คาดวันนี้ตลาดหุ้นไทยจะพักฐานลงตามต่างประเทศ แนวรับสำคัญอยู่ที่  1600 และ 1616 จุด คาดตลาดหุ้นไทยจะยัง Outperform หรือคาดจะพักฐานน้อยกว่าในฝั่งสหรัฐ และยุโรป เนื่องจากไทยมีจุดเด่นทั้ง

1.) โอกาสการเกิด Recession ต่ำกว่า

2.) ยังเห็น Trend การ Upgrade ทั้ง  GDP  และ EPS ฯลฯ  โดยประเด็นเรื่อง Fed เชื่อว่าตลาดได้ตอบรับข่าวทิศทางอัตราดอกเบี้ยไปมากแล้ว และตลาดกลับมากังวลประเด็นเรื่อง Recesion ข้อสังเกตุคือ

1.) สินทรัพย์เสี่ยงเมื่อคืน อาทิ  ตลาดหุ้นสหรัฐ ไม่ทำ New Low ถือว่าสะท้อนว่าตลาดได้รับข่าวดอกเบี้ยไปมากแล้ว

2.) Bond Yields สหรัฐ อายุ 2 ปี (โดยปกติจะปรับขึ้นตามคาดดอกเบี้ยสหรัฐ) ปรับตัวขึ้นทำ New high ล่าสุดอยู่ที่ 4.07%ยังต่ำกว่า Dotplot ของ Fed คาดอัตราดอกเบี้ยสหรัฐสิ้นปีนี้จะอยู่ที่ 4.4%  และ Bond Yields สหรัฐ 10 ปี สวนทางปรับลงมาอยู่ที่ 3.56% จากวันก่อนหน้าที่ 3.6% ทำให้ 10-2 Year Treasury Yield Spread ติดลบเพิ่มขึ้น ล่าสุดอยู่ที่ -0.51% เทียบจากช่วงต้น ก.ย. ที่ -0.2% สะท้อนถึงตลาดกังวลภาวะ Recession เพิ่มขึ้น

โดยรวมคำแนะนำในหุ้นหลักๆ คือเน้นไปที่กลุ่ม Defensive  อาทิ กลุ่มโรงพยาบาล EKH กลุ่มโรงไฟฟ้า GPSC  กลุ่ม Reopenning หุ้นโรงแรม AWC, หุ้นสื่อ : PLANB  ส่วนกลุ่มที่คาดจะเห็นกระแสการเก็งกำไรจากประเด็น Fed คือ กลุ่มประกันชีวิต BLA กลุ่มธนาคารพาณิชย์ อาทิ SCB 

ประเมินตลาดหุ้นไทยวันนี้คาด 1630 -1645 จุด หุ้นแนะนำ GPSC, EKH

Top pick :

GPSC (ราคาทางพื้นฐาน 83.5 บาท)

1.) เป็นหุ้น Defensive ในช่วงที่ตลาดผันผวน

2.) มีปัจจัยหนุนกระตุ้นราคาหุ้นในวันนี้ คือ สรรพสามิตเตรียมชงบอร์ดอีวี เคาะโครงสร้างภาษีแบตเตอรี่ใหม่หนุนอุตสาหกรรมรถอีวี โดยอาจเว้นภาษีแบตรีไซเคิล จากปัจจุบันจัดเก็บอยู่ที่ 8% หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้มีการนำเสนอมาตรการสนับสนุนผู้ผลิตแบตอีวี โควตา 1 GW ให้วงเงินช่วยเหลือสูงสุด 600 ล้านบาท GPSC (เป้า 1 GW) ได้ประโยชน์สูงสุด

EKH (ราคาทางพื้นฐาน 8.4 บาท)

1.) การนำ KLINIQ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จะส่งผลบวกต่อกำไรของ EKH

2.) EKH จะได้ประโยชน์มากที่สุดจากการเปิดประเทศของจีน โดยเราเห็นการเริ่มผ่อนคลายมาตรการเดินทางในจีน ล่าสุด คือเมืองเฉิงตู แม้ยังไม่ทั้งหมดก็ตาม เราคาดว่าผู้ป่วยชาวจีนที่ศูนย์ IVF จะสูงกว่าระดับก่อนเกิดโควิด-19 ในปี 2566

3.) ราคาหุ้น EKH ปัจจุบันซื้อขายใกล้กับกรณีเลวร้ายที่สุดของเราที่ 7.7 บาท

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

วันพฤหัสฯ ติดตามตัวเลขการส่งออกและนำเข้าของไทยเดือน ส.ค. คาด +9.0% YoY และ 21.4% YoY ตามลำดับ และคาดไทยขาดดุลการค้า 2,870 ล้านเหรียญ การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่นคาดคงดอกเบี้ยนโยบายที่ -0.1% การประชุมธนาคารกลางอังกฤษ คาดขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 50bps. เป็น 2.25% และตัวเลข Initial Jobless  Claim ของสหรัฐฯ รายสัปดาห์ คาด +218K

วันศุกร์ ติดตามตัวเลข S&P Global Manufacturing PMI Flash ของเยอรมันเดือน ก.ย. คาด 48.3 จุด (-1.6% MoM) ตัวเลข S&P Global Manufacturing PMI Flash ของยุโรปเดือน ก.ย. คาด 48.8 จุด (-1.6% MoM) S&P Global Services PMI Flash ของยุโรปเดือน ก.ย. คาด 49.1 จุด (-1.4% MoM) ตัวเลข S&P Global Manufacturing PMI Flash ของสหรัฐฯเดือน ก.ย. คาด 51.2 จุด (ทรงตัว MoM) และ S&P Global Services PMI ของสหรัฐฯเดือน ก.ย. คาด 45 จุด (+3.0% MoM)

- Advertisement -