ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้

ปรับลงต่อ ปัจจัยต่างประเทศยังคงเป็นลบ

ฝ่ายวิจัย KGI ประเมิน SET Index วันพฤหัสฯ ปรับลงต่อ… หลังจากเมื่อวานนี้ ตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวลง (ตามคาด) ตามแรงกดดันจากเงินบาทที่อ่อนค่าค่อนข้างแรง + ข่าวลบในฝั่งยุโรปหลังรัสเซียประกาศระดมกำลังพล 3 แสนคน เพื่อยกระดับการทำสงครามในยูเครน… ขณะที่ในวันนี้ ปัจจัยต่างประเทศยังคงเป็นลบ กล่าวคือ i) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ลดลงแรง หลังจากที่ประชุม ธ.กลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% สู่ 3.25% ซึ่งเป็นไปตามที่ฝ่ายวิจัยฯ และตลาดคาดไว้ นอกจากนี้เฟดได้ปรับลดประมาณการ GDP สหรัฐฯ ปี 2565 จากเดิม 1.7% เหลือ 0.2% และปี 2566 จากเดิม 1.7% เหลือ 1.2% ซึ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะยังชะลอแรงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ 1) สำหรับแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดนั้น กรรมการเฟดออก dot-plot chart มองว่าดอกเบี้ยเฟดจะอยู่ที่ 4.4% ณ สิ้นปีนี้ และ 4.6% ณ สิ้นปี 2566 ซึ่งเป็นเครื่องชี้ว่าดอกเบี้ยสหรัฐฯ น่าจะเข้าใกล้ช่วงท้ายของการปรับขึ้นแล้ว และในปี 2566 การปรับขึ้นดอกเบี้ยน่าจะมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ii) สถานการณ์ในยุโรปที่เป็นลบมากขึ้น น่าจะส่งผลให้สกุลเงินยูโรอ่อนค่าต่อเนื่อง และมีผลทางอ้อมให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงต่อในช่วงสั้น และน่าจะกดดันฟันด์โฟลว์ อย่างไรก็ดี  ฝ่ายวิจัยฯ ยังคงมองว่าความเสี่ยงทางลงของ SET Index มีจำกัด เนื่องจากพื้นฐานเศรษฐกิจยังคงฟื้นตัวได้ดี โดยเฉพาะภาพการท่องเที่ยวซึ่งเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลัก แนะนำรอดูแรงขายชะลอ ยังแนะนําทยอยสะสมหุ้นไทย

หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน 

เก็งกำไร KSL, BLA*, ERW*

  • KSL (เป้า Consensus 5.07 บาท) 1) แนวรับ 3.78 บาท / แนวต้าน 3.9 – 3.94 บาท กรณี Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/- 4.1 บาท (Stop loss 3.7 บาท) 2) ประเมิน Sentiment บวกจาก i) มาตรการกระตุ้นการใช้น้ำมัน E20 ของภาครัฐฯ (เป็นบวกต่อความต้องการใช้เอทานอล อ่านรายละเอียดใน Comment ข่าววันนี้เพิ่มเติม) ii) เงินสนับสนุนเกษตรกรตัดอ้อยสด (ไม่เผา) ส่งโรงงานน้ำตาล เราประเมินจะช่วยลดค่าใช้จ่ายที่โรงงานน้ำตาล เคยจ่ายให้เกษตรกรเพื่อจูงใจให้ตัดอ้อยสด และเพิ่ม Yield การผลิตน้ำตาล ii) คาดได้ประโยชน์จากการส่งออกน้ำตาล ในสถานการณ์ค่าเงินบาทที่อ่อนค่า 3) ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานปี 2565/66 (พ.ย. – ต.ค.) โต +10% YoY จากราคาส่งออกน้ำตาลที่สูงขึ้น และปริมาณผลผลิตที่เพิ่มขึ้น (ประเมิน ประมาณการฯของ Consensus มี Upside)
  • BLA* (เป้า Consensus 51.8 บาท) 1) แนวรับ 35.25 บาท / แนวต้าน 37.25 – 38.0 บาท กรณี Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/- 39.5 บาท (Stop loss 34.5 บาท) 2) ประเมิน Sentiment บวกจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับขึ้นแรง ขณะที่ Consensus คาดกำไรปี 2565 – 66 โต +35% YoY และ 23% YoY ตามลำดับ 3) Valuation ไม่แพง Forward PE ปีนี้ 15.7 เท่า และคาดจะลดลงเหลือ 11.8 เท่า ในปีหน้า ขณะที่ PBV 1.4 เท่า (คิดเป็น ราว -1 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในอดีต)
  • ERW* (เป้าพื้นฐาน 5 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 4.14 บาท / แนวต้าน +/- 4.3 บาท กรณี Break ผ่าน แนวต้านนี้ได้ แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 4.0 บาท) 2) ประเมินเป็นหุ้นกลุ่มโรงแรมที่รับ อานิสงส์การเปิดประเทศ / การท่องเที่ยว ของไทยโดยตรง EBITDA ใน 2Q65 เริ่มพลิกเป็นบวกจาก RevPAR (Revenue Per Available Room) ฟื้นตัวสูงสุดตั้งแต่วิกฤตโควิด-19 และคาดการฟื้นตัวจะต่อเนื่องจนถึงช่วง High season 4Q – 1Q และคาดรับอานิสงค์จากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภาครัฐฯ 3) Forward PE ปีหน้าแม้จะสูง 40 เท่า แต่เนื่องจากเป็นหุ้น Turnaround และมีโอกาสที่ Valuation จะพรีเมี่ยมจากการ Switching จากหุ้นอิงการท่องเที่ยวในต่างประเทศมาหุ้นอิงการท่องเที่ยวไทย

หุ้นมีข่าว

(+) คาร์บอนเครดิตฮิต เปิดเทรด FTIX สนั่น (ทันหุ้น) มาแล้ว! ศูนย์ซื้อขายคาร์บอนเครดิต ส.อ.ท. จับมือ อบก. เปิดตัว FTIX แพลตฟอร์มการซื้อขายพลังงานสะอาดและคาร์บอนเครดิต รัฐมนตรีกระทรวงทรัพย์ ประกาศดันสุดตัว หวังเป็นเครื่องมือลดโลกร้อนเข้ม ดันร่าง พ.ร.บ.เปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ เพิ่มกลไกคาร์บอนเครดิตและการเงิน มั่นใจมูลค่าคาร์บอนแตะ 3.25 แสนล้านบาท

(+) สะพัด JMART* เทกสุกี้ตี๋น้อย หวังเตรียมดันเข้าตลาดหุ้น ประกาศดีลกลางพ.ย.นี้ มั่นใจลงทุนคุ้มค่า (ข่าวหุ้น) “เจ มาร์ท” (JMART”) ใช้เงินเพิ่มทุนจากกลุ่มบีทีเอส เข้าซื้อหุ้น “สุกี้ตี๋น้อย” รอประกาศเป็นทางการในช่วงกลางเดือน พ.ย. 65 พร้อมวางแผนระดมทุนเพิ่ม นำเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ วงในย้ำเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า จับตานำสุกี้ตี๋น้อยเข้ามาอยู่ในระบบนิเวศธุรกิจ (Ecosystem) ทั้งกลุ่มเจ มาร์ทและบีทีเอส เปิดงบการเงิน “บี เอ็น เอ็น เรสเตอรองท์ กรุ๊ป” เจ้าของสุกี้ตี๋น้อย พบ 3 ปีย้อนหลัง กำไรสุดสวย ส่วนปี 65 คาดกำไร 200-300 ล้านบาท โต 100% ล่าสุดวางแผนเปิดสาขาครบ 60 แห่ง รายได้แตะ 3 พันล้านบาท

(+) CRC* แตกไลน์รุกสุขภาพกัน “ท็อปส์วีต้า” โกยยอด (ทันหุ้น) CRC* แตกไลน์ธุรกิจสุขภาพ เปิดตัวธุรกิจร้าน “ท็อปสวีต้า” จำหน่ายอาหารเสริมครบวงจร เจาะกลุ่มวัยทำงาน พร้อมทุ่มงบ 200 ล้านบาท ขยายสาขา 150 สาขาในปี 2567 พร้อมวางหมากโกยยอดขายทะลุ 1.5 พันล้านบาท ในปี 2570

(+) PRINC ทุ่ม 1 พันล. ซื้อหุ้นพิษณุเวช (ข่าวหุ้น) นางสาวฤติมา จิระสุรเดช เลขานุการ บริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ PRINC เปิดเผยว่า ตามที่ที่ประชุมคณะกรรมการ PRINC เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2565 ได้มีมติการลงทุนในบริษัทย่อยนั้น วานนี้ (21 ก.ย. 2565) บริษัท พรินซิเพิล เฮลท์แคร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ PRINC ได้ทำรายการซื้อหุ้นสามัญของบริษัท พิษณุเวช จำกัด จากกลุ่ม พิทักษ์พงศ์การแพทย์ จำนวน 125,000 หุ้น ราคาหุ้นละ 8,200 บาท รวมเป็นเงิน 1,025 ล้านบาท โดยใช้เงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน หรือเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท ซึ่งการเข้าทำรายการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ เพื่อเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทย่อย

(+) RS ส่งป๊อปคอยน์ซื้อ-ขาย สู่กระดานเทรด 23 ก.ย.65 (ทันหุ้น) RS ประกาศความพร้อม Popcoin เข้าสู่กระดานซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำของโลก อย่าง XT.COM ลุยขยายฐานผู้ใช้งานทั้งในไทยและต่างประเทศ หวังให้ Popster ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเข้าถึงการใช้งาน เติมเต็ม Ecosystems ของ Popcoin ให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น

เมื่อวานนี้ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาตร์ สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) กล่าวว่า ขณะนี้กองทุนมีแนวคิดส่งเสริมการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ที่มีส่วนผสมเอทานอล 20% เป็นน้ำมัน เบนซินพื้นฐาน (MGR Online) ความคิดเห็น: เรามองว่าถ้ากระทรวงพลังงานปรับให้แก๊สโซฮอล์ E20 เป็นน้ำมันเบนซินพื้นฐาน และให้ส่วนลดราคาแก๊สโซฮอล์ E20 ต่ำกว่าแก๊สโซฮอล์ 95 ที่ 3 บาท/ลิตร จะช่วยให้ความต้องการใช้เอทานอลในประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันความต้องการใช้ส่วนใหญ่จะอยู่ที่แก๊สโซฮอล์ 91 และ 95 ซึ่งมีสัดส่วนเอทานอลอยู่ 10% ดังนั้นเรามองว่า UBE (ราคาเป้าหมาย 2.90 บาท) และ BBGI (ราคาเป้าหมาย 10.20 บาท) จะเป็นผู้ได้ประโยชน์จากข่าวนี้

หุ้นที่เคยแนะนำก่อนหน้า

  • หุ้นที่แนะนำ “Let profit run” โดยกำหนดจุดขายทำกำไร PLANB (Trailing stop 7.15 บาท)
  • BAFS (เป้าพื้นฐาน 36.5 บาท) แนวรับ 31 บาท / แนวต้าน 32 บาท ผ่านได้แนะนำ “Let profit run (Trailing stop 30 บาท)
  • PTG* (เป้าพื้นฐาน 19.5 บาท) แนวรับ 15.8 บาท / แนวต้าน 16.5-17.0 บาท ผ่านได้แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 15.3 บาท)
  • SNNP (เป้า Consensus 19.9 บาท) แนวรับ 17 บาท / แนวต้าน 17.8-18.0 บาท ผ่านได้แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 17 บาท)
  • EPG* (เป้า Consensus 12.25 บาท) แนวรับ 10.1 บาท / แนวต้าน 10.6-11.0 บาท ผ่านได้แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 10 บาท)
  • LH* (เป้าพื้นฐาน 11.2 บาท) แนวรับ 8.7 บาท / แนวต้าน 8.95-9.05 บาท (Stop loss 8.65 บาท)
  • OR* (เป้าพื้นฐาน 33.5 บาท) แนวรับ 26.5 บาท / แนวต้าน 27.0-28.0 บาท (Stop loss 26.0 บาท)

Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้

กลุ่มโรงพยาบาล น้ำหนักลงทุน “เท่ากับตลาดฯ” ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินการระบาดของโควิด-19 ที่ใกล้สิ้นสุดลง และจะมีการเปลี่ยนเป็นโรคเฝ้าระวังสำหรับประเทศไทย ซึ่งจะทำให้ธีมการลงทุนในหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลเปลี่ยนแปลงไป  โดยฝ่ายวิจัยฯประเมินโรงพยาบาลที่เน้นผู้ป่วยต่างชาติจะฟื้นตัวเด่นกว่าอย่างต่อเนื่องใน 2H65 เลือก BDMS เป็นหุ้นเด่น … วันนี้ฝ่ายวิจัยฯออีกบทวิเคราะห์หุ้น BDMS ปรับไปใช้เป้าหมายปี 2566 ที่ 36 บาท (เดิม 31 บาท)

- Advertisement -