บล.บัวหลวง:

Refining & Chemical – ค่าการกลั่นปรับตัวลง แต่ส่วนต่างราคาปิโตรเคมีส่วนใหญ่ขยายตัว (NEUTRAL)

ค่าการกลั่นปรับตัวลงต่อเนื่องในสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ที่ปรับตัวลดลง การชะลอตัวของเศรษฐกิจ โลกเป็นปัจจัยที่ต้องจับตามอง เนื่องจากอาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อการฟื้นตัวของอุปสงค์ ในทางกลับกันเนื่องจากปัจจุบันเป็นช่วงพีคซีชั่นของพายุเฮอริเคน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของโรงกลั่น นอกจากนี้ฤดูกาลปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นในฤดูใบไม้ร่วงกําลังใกล้เข้ามา ปัจจัยเหล่านี้อาจส่งผลให้อุปทานดึงตัวและหนุนค่าการกลั่นให้ปรับตัวดีขึ้น

ในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่ราคาปิโตรเคมีเคลื่อนไหวหลายทิศทาง ส่วนต่างราคาปิโตรเคมีส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น หนุนโดยต้นทุนวัตถุดิบ เอธิลีนที่ปรับตัวลดลง และการคาดการณ์ว่าอุปทานจะดึงตัว ทั้งนี้ เรายังคงชอบ IVL มากที่สุด เนื่องจากแนวโน้มการเติบโตแข็งแกร่งของกําไรหลักปี 2022 รวมทั้งมีอัพไซด์ต่อแนวโน้มการเติบโตระยะยาว จากการลงทุนและ/หรือการเข้าซื้อกิจการใหม่

ค่าการกลั่นปรับตัวลงต่อเนื่อง Wow

ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปรับตัวลง 2.68 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 0.00 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งถูกกดดันจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ที่ปรับลดลง อุปสงค์ในอาเซียนที่ชะลอตัวและความกังวลเกี่ยวกับการส่งออกที่มากขึ้นจากประเทศจีน ส่งผลให้ส่วนต่างราคาก๊าซโซลีนปรับตัวลง 5.11 เหรียญสหรัฐ WoW ไปอยู่ที่ 3.53 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล (ส่งผลกระทบเชิงลบมากที่สุดต่อ SPRC) นอกจากนี้ อุปสงค์ที่ชะลอตัวจากประเทศจีนจากการล็อคดาวน์เพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19, อุปสงค์ในภูมิภาคที่อ่อนตัวลงในช่วงฤดูมรสุม, การส่งออกที่มากขึ้นจากประเทศอินเดีย, และคาดการณ์การส่งออกที่มากขึ้นจากประเทศจีนกดดันส่วนต่างราคาน้ำมันเครื่องบินและส่วนต่างราคาดีเซลให้ปรับตัวลง 3.33 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 24.48 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และ 1.35 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 29.43 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ตามลำดับ

ในทางตรงกันข้าม ต้นทุนน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงและอุปสงค์จากผู้ผลิตไฟฟ้าในเอเชียใต้ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ส่วนต่างราคาน้ำมันเตาที่มีส่วนผสมของกํามะถันในระดับสูงให้ปรับตัวขึ้น 0.94 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ -25.27 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล (ยังคงแย่กว่าระดับปกติในช่วงก่อน IMO2020 ที่ติดลบ -4-5 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลค่อนข้างมาก)

ส่วนต่างราคาเอธิลีนและส่วนต่างราคาโพรพิลีนปรับตัวลง WoW

แรงซื้อในเอเชียที่ชะลอตัวส่งผลให้ราคาเอธิลีนปรับตัวลง 50 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 905 เหรียญสหรัฐ/ตัน ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่การคาดการณ์อุปทานในภูมิภาคที่ตึงตัวจากการหยุดซ่อมบำรุงโรงงานหลายแห่ง ส่งผลให้ราคาโพรพิลีนทรงตัว WoW ที่ 880 เหรียญสหรัฐ/ตัน เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบแนฟทาปรับตัวขึ้น 9 เหรียญสหรัฐ WoW ไปอยู่ที่ 645 เหรียญสหรัฐ/ตัน ส่วนต่างราคาเอธิลีนจึงปรับตัวลง 59 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 260 เหรียญสหรัฐ/ตัน (ส่งผลกระทบเชิงลบต่อ PTTGC มากที่สุด) และส่วนต่างราคาโพรพิลีนปรับตัวลง 9 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 235 เหรียญสหรัฐ/ตัน (ส่งผลกระทบเชิงลบต่อ IRPC มากที่สุด)

ส่วนต่างราคา HDPE และ PP ปรับตัวขึ้น WoW

ต้นทุนวัตถุดิบแนฟทาที่ปรับตัวขึ้น และการคาดการณ์อุปทานที่ดึงตัวหนุนให้ราคา HDPE และ PP ปรับตัวขึ้น 20 เหรียญสหรัฐ WoW ไปอยู่ที่ 1,040 เหรียญสหรัฐ/ตัน และ 20 เหรียญสหรัฐ WoW ไปอยู่ที่ 1,070 เหรียญสหรัฐ/ตัน ตามลำดับ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งนี้ต้นทุนวัตถุดิบแนฟทาที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นช้ากว่าราคาผลิตภัณฑ์ ส่งผลให้ส่วนต่างราคา HDPE เทียบกับแนฟทาปรับตัวขึ้น 11 เหรียญสหรัฐ WoW ไปอยู่ที่ 395 เหรียญสหรัฐ/ตัน (ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อ PTTGC มากที่สุด) และส่วนต่างราคา PP ปรับตัวขึ้น 11 เหรียญสหรัฐ WoW ไปอยู่ที่ 425 เหรียญสหรัฐ/ตัน (ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อ IRPC มากที่สุด)

ส่วนด่างราคา MEG และส่วนต่างราคา PVC ปรับตัวขึ้น WoW

ต้นทุนวัตถุดิบเอธิลีนที่ปรับตัวลดลงและราคาวัตถุดิบร่วม PTA ที่ปรับตัวลดลงส่งผลให้ราคา MEG ปรับตัวลง 5 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 530 เหรียญสหรัฐ/ตัน ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากต้นทุนเอธิลีนปรับตัวลดลงเร็วกว่าราคาผลิตภัณฑ์ ส่งผลให้ส่วนต่างราคา MEG ปรับตัวขึ้น 27 เหรียญสหรัฐ WoW ไปอยู่ในแดนลบที่ -40 เหรียญสหรัฐ/ตัน (ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อ PTTGC มากที่สุด) ในขณะที่อุปสงค์ในภูมิภาคที่ทรงตัวส่งผลให้ราคา PVC ไม่เปลี่ยนแปลง WoW อยู่ที่ 870 เหรียญสหรัฐ/ตัน เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบเอธิลีนปรับตัวลดลง ส่งผลให้ส่วนต่างราคา PVC ปรับตัวขึ้น 25 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 418 เหรียญสหรัฐ/ตัน (ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อ PTTGC มากที่สุด)

คาดค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น YoY แต่ปรับตัวลดลง QoQ ในไตรมาส 3/65

อุปสงค์ในวงกว้างสําหรับน้ำมันสำเร็จรูปมีแนวโน้มที่จะเติบโตต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 3/65 จากมุมมองของอุปทาน การปิดโรงกลั่น, การส่งออกที่ลดลงจากประเทศจีน, และสต็อกน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำจะเป็นปัจจัยที่จํากัดอุปทาน YoY อย่างไรก็ตาม อุปสงค์ทั่วโลกที่อ่อนตัวลงเนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและอุปทานที่เพิ่มขึ้นมีแนวโน้มกดดันค่าการกลั่น QoQ ในช่วงเวลาดังกล่าว ในขณะที่ต้นทุนน้ำมันดิบ (crude premium) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น YoY (ทรงตัวหรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อย QoQ) ในไตรมาส 3/65 ตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ จากแนวโน้มดังกล่าว เราคาดว่าค่าการกลั่นจะปรับตัวสูงขึ้น YoY แต่ปรับตัวลดลงลง QoQ ในไตรมาส 3/65

หากการเริ่มดำเนินงานเชิงพาณิชย์ของโรงกลั่นใหม่ไม่เป็นไปตามแผนหรือมีการหยุดโรงกลั่นโดยไม่ได้วางแผนล่วงหน้า (สาเหตุจากไฟไหม้, สงคราม, ภัยธรรมชาติ เป็นต้น) จะส่งผลให้อุปทานตึงตัว อาจเป็นอัพไซต์ต่อค่าการกลั่น ในทางกลับกันหากอัตราการติดเชื้อกลับมาเพิ่มสูงขึ้นอุปสงค์ปิโตรเลียมจะถูกกดดันอีกครั้ง ซึ่งอาจจํากัดการฟื้นตัวของค่าการกลั่น

ส่วนต่างราคาปิโตรเคมีส่วนใหญ่มีแนวโน้มปรับตัวลง YoY และ QoQ ในไตรมาส 3/65

การกลับมาเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกมีแนวโน้มที่จะหนุนอุปสงค์ต่อผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีในวงกว้าง ให้แข็งแกร่งต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 3/65 อย่างไรก็ตาม ช่วงที่อุปสงค์ต่อผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีส่วนใหญ่ชะลอตัวตามปัจจัยฤดูกาล (โอเลฟินส์และอะโรเมติกส์) โดยปกติจะเริ่มในไตรมาสที่สองและสิ้นสุดในเดือน ส.ค. นอกจากนี้ โดยปกติแล้วไตรมาสที่สามจะเป็นช่วงที่อุปสงค์ต่อผลิตภัณฑ์สายโพลีเอสเตอร์ลดลงตามปัจจัยฤดูกาล ด้านอุปทาน กำลังการผลิตใหม่ที่เริ่มดำเนินงานในระหว่างไตรมาสและต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น อาจเป็นอีกปัจจัยที่กดดันส่วนต่างราคาปิโตรเคมีในไตรมาส 3/65 จากแนวโน้มดังกล่าว เราจึงคาดว่าส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีส่วนใหญ่มีแนวโน้มอ่อนตัวลง YoY และ QoQ ในไตรมาส 3/65 อย่างไรก็ตาม อุปทานที่มีจํากัดซึ่งเป็นผลมาจากนโยบายการควบคุมมลพิษของจีน และ/หรือ ความล่าช้าในการเริ่มด่าเนินงานของกาลังการผลิตใหม่ อาจเป็นอัพไซด์ต่อราคาและส่วนต่างราคาปิโตรเคมี

- Advertisement -