Daily Focus: Domestic and Selective Play

2023 SET Target: 1760

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ยังคงพักตัวลงต่อเนื่องปิดลบ 10.67 จุด ณ สิ้นวันที่แนวรับ 1,610 จุด โดยยังคงมีแรงขายหุ้นขนาดกลาง-เล็กอย่างหนัก รวมถึงกลุ่มธนาคารที่ถ่วงตลาด สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิในตลาดหุ้นอีก 1.2 พัน ลบ.และ 1.5 พันลบ. ตามลำดับ (ต่างชาติ Short Index Futures อีกเล็กน้อย 4.1 พัน สัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่งตัวสร้างฐานบริเวณแนวรับสำคัญ 1,600-1,610 จุด โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามวันนี้คือการประชุมกนง. ซึ่งคาดว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ค่อนข้างแน่ ตามเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัวและลดแรงกดดันค่าเงินบาทที่อ่อนค่าเร็ว อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการลงทุนทั่วโลกยังไม่สดใสนัก โดยยังคงถูกกดดันจากแนวโน้มดอกเบี้ยที่ยังปรับขึ้น Bond Yield และ Dollar Index ที่ยังสูง รวมถึง Comment ของประธาน FED สาขาต่างๆ ที่ยังสนับสนุนนโยบายการเงินตึงตัวเพื่อกดเงินเฟ้อลง ขณะที่สถานการณ์พลังงานในยุโรปคาดยังกดดันหลังพบท่อก๊าซ Nord Stream 1-2 รั่ว อาจส่งผลให้ราคาหลังงานขยับขึ้นอีกครั้ง โดยรวมปัจจัยในประเทศยังดูดี และไม่มีแรงกดดันเท่าต่างประเทศ เราจึงยังมองหุ้นกลุ่ม Domestic และ Reopening Play ยังคงแกว่งตัวได้แข็งแรงกว่าตลาด ส่วนจังหวะดัชนีพักตัวลงหาบริเวณแนวรับหลัก เรามองเป็นจังหวะในการทยอยสะสมหุ้นเพิ่มระยะกลาง-ยาว

กลยุทธ์ : ลงทุนใน Domestic และ Selective Play // รอสะสมหุ้นช่วงปรับฐาน 1,600+- จุด

หุ้นเด่นเดือน ก.ย. : CPN, KTB, M, PRM, TU

หุ้นเด่นวันนี้ : NSL

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 26 บาท
  • คาดกำไร 3Q22 +4% Q-Q, +249% Y-Y ทำ New High สวนทางฤดูกาล จากการฟื้นตัวของสินค้ากลุ่มแซนด์วิชอบร้อน เบเกอรี่ และกลุ่ม Food Service ขณะที่ราคาวัตถุดิบค่อนไปในทางทรงตัว ขณะที่ 4Q22 คาดเร่งขึ้นต่อจาก High Season
  • บริษัทมีแผนออกสินค้าใหม่ Ready to eat ทั้งอาหารไทย Plant Based, Retort Product และข้าวแท่ง (Rice bar by NSL) จะเริ่มวางขายในเดือน ต.ค.นี้ ที่ 7-11 และ ร้าน Pop-up Store เราคาดกำไรปี 2022-2023 +67% Y-Y และ +13% Y-Y
  • แนวรับ 21.20-21 บาท แนวต้าน 22//22.50 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนยังคงไหลออกจากภูมิภาคและเร่งตัวขึ้นเป็น US$636 ล้าน นำโดยฟิลิปปินส์และไต้หวันประเทศละ US$182-193 ล้าน ส่วนเกาเหลีใต้และอาเซียนอื่นๆ ไหลออกทุกประเทศ โดยยังกังวลทิศทางเศรษฐกิจที่ชะลอ ขณะที่แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยยังพุ่งขึ้น แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดว่ายังค่อนไปในทิศทางไหล ออกจากโอกาสที่เม็ดเงินไหลกลับเข้าสินทรัพย์เสี่ยงยังจำกัด

ประเด็นสาคัญวันนี้

(+) CK ประกาศรับงานคลองระบายน้ำและมีประเด็นบวกจาก BEM เป็นผู้ชนะรถไฟฟ้าสายสีส้ม ซึ่งมีงานโยธาและงานระบบรวมกว่า 1.27 แสนลบ. อีกทั้งยังมีโรงไฟฟ้าหลวงพระบาง 8 หมื่นลบ. คาดเซ็นในปลายปีนี้ ทำให้ Backlog จะทำระดับสูงสุดใหม่ที่ 2.6 แสนลบ. ทยอยรับรู้รายได้เป็น S-Curve ตั้งแต่ปีหน้า ธุรกิจรับเหมาเป็นบวกตาม Backlog ขาขึ้น พร้อมกับการเติบโตของเงินลงทุนบริษัทลูกหนุนภาพรวมธุรกิจแกร่ง ระยะสั้นคาดกำไร 3Q22 ขยายตัวทั้ง Q-Q และ Y-Y คงราคาเป้าหมาย 25 บาท แนะนำ ” ชื้อ”

(+) TU คาดกำไรสุทธิ 3Q22 ทำจุดสูงสุดรอบ 5 ไตรมาส +32% Q-Q, +11% Y-Y จาก High Season บาทอ่อน โดยเติบโตทุกธุรกิจทั้ง Ambient Frozen และ Pet Food & Value Added รวมถึงมีการปรับเพิ่มราคาขายขึ้นโดยเฉพาะในยุโรป เพื่อชดเชยต้นทุนพลังงานที่สูง Red Lobster ยังขาดทุนแต่คาดไม่มีค่าใช้จ่ายพิเศษเหมือนไตรมาสก่อน แนวโน้ม 4Q22 จะอ่อนตัวลงตามฤดูกาล แต่ประเมินกำไรทั้งปีมีโอกาสสูงกว่าประมาณการปัจจุบันของเราถึง 15% ยังคงราคาเป้าหมาย 24.50 แนะนำ “ซื้อ” บาท

(+) ILINK ราคาหุ้นปรับลงจากประเด็นบาทอ่อนและงานเกาะเต่าที่นักลงทุนเกรงว่าจะเลื่อนอีก ค่าเงินบาทที่อ่อนชดเชยได้จากราคาทองแดงที่ปรับลง จึงไม่ได้รับผลกระทบ ในทางตรงกันข้าม มาร์จิ้นจะดีขึ้นจากการปรับราคาขายขึ้นตั้งแต่ 1 ก.ค. ส่วนงานก่อสร้างสายเคเบิลใต้น้ำไปเกาะเต่าผ่านทุกบอร์ดแล้ว เหลือขั้นตอนการร่างสัญญา คาด ลงนามจัดซื้อจัดจ้างกลางเดือนหน้า รับรู้รายได้ทันใน 4Q22 ประมาณ 10-15% กำไร 3Q22 เบื้องต้นคาด +7% Q-Q, +24% Y-Y ถูก ITEL ฉุดเล็กน้อย เรายังประเมินกำไรปี 2022-2024 +15% CAGR คงราคาเป้าหมาย 11 บาท แนะนำ “ซื้อ”

 

(-) ตลาดดาวโจนส์ ปิดที่ 29,134.99 จุด ลดลง 125.82 จุด หรือ -0.43% หลัง นายเจมส์ บูลลาร์ด และนายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ และชิคาโก ออกมาสนับสนุกการขึ้นอัตราดอกเบี้ยแม้มีความเสี่ยงที่จะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงก็ตาม

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ จากความกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลังธนาคารกลางหลายประเทศดำเนินนโยบายแบบเข้มงวด

(-) ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับลง ตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ หลังเจ้าหน้าที่ FED ออกมาสนับสนุนการขึ้นดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ

(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่า อยู่ที่บริเวณ 38.03 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 1.79 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 78.50 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังบริษัทพลังงานหลายแห่งสั่งอพยพคนงานออกจากแท่นขุดเจาะ หลังอาจเผชิญพายุเฮอร์ริเคนเอียน (Ian) เข้าใกล้อ่าวเม็กซิโก

(0) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 2.8 ดอลลาร์ หรือ 0.17% ปิดที่ 1,636.2 ดอลลาร์/ออนซ์ จากนักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 940.86 / -2.61

- Advertisement -