ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้

เทรดไซด์เวย์ รอผลประชุม กนง. บ่ายวันนี้

ฝ่ายวิจัย KGI ประเมิน SET Index วันพุธ เทรดไซด์เวย์… หลังจากเมื่อวานนี้ตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวลง (อ่อนแอกว่าคาด) ตามแรงขายที่เข้ามาในหุ้นธนาคารฯ ผนวกกับหุ้นเชื่อมโยงเศรษฐกิจโลกยังมีแรงกดดันจากเศรษฐกิจโลกชะลอแรง… ขณะที่ในวันนี้ ปัจจัยโดยรวมต่อตลาดหุ้นเป็นกลาง กล่าวคือ i) เมื่อคืนนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผันผวนแรงก่อนปิดลูบเล็กน้อย หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาด เช่น ยอดขายบ้านใหม่ ส.ค. รวมทั้งคำสั่งซื้อสินค้าคงทน ส.ค. ยังคงผลักดันให้บอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นต่อ และเป็นแรงกดดันต่อสินทรัพย์เสี่ยง ii) อย่างไรก็ดี  สัญญาเฟดฟันด์ฟิวเจอร์ปรับลดโอกาสที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมเดือน พ.ย. เหลือเพียง 50:50 หลังจากผู้ว่าการเฟด 2 ท่าน ออกมาแสดงความกังวลว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยมากเกินไป… ด้านปัจจัยภายในประเทศ บ่ายวันนี้ กนง. มีประชุมนโยบายการเงิน ฝ่ายวิจัยฯ คาดว่า กนง. จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ 1.00% และน่าจะมีการปรับตัวเลขเศรษฐกิจไทยบ้าง แต่ไม่น่าจะปรับอย่างมีนัยสำคัญมากนัก โดยขณะนี้ กนง. คาด GDP ปี 2565 โต 3.3% และ ปี 2566 โต 4.2%

หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน

เก็งกำไร AMA, ADVANC*, GFPT

  • AMA (เป้าพื้นฐาน 7.6 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 5.25 บาท / แนวต้าน 5.7 – 5.8 บาท กรณี Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/- 6.5 บาท (Stop loss 4.9 บาท) 2) ฝ่ายวิจัยฯประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงาน 3Q65 ทำจุดสูงสุดใหม่รายไตรมาสที่ 129 ล้านบาท (+ 163% YoY, +83% QoQ) และคาดกำไรปีนี้ทำจุดสูงสุดใหม่ที่ +300 ล้านบาท (โต +100% YoY) โดยเป็นผลจากธุรกิจขนส่งน้ำมันปาล์มทางเรือที่ฟื้นตัวขึ้นมากทั้งจากด้านอุปสงค์ในภูมิภาค และอุปทานเรือขนส่งน้ำมันปาล์มในภูมิภาคที่ลดลง เนื่องจากมีการปรับเปลี่ยนไปขนส่งน้ำมันดอกทานตะวันไปยุโรปแทน 3) Valuation ไม่แพง Forward PE +9.7 เท่า (-2 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในอดีต) / PBV 1.1 เท่า (-1 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในอดีต)
  • ADVANC* (เป้า Consensus 241.35 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 197 บาท / แนวต้าน 201 – 205 บาท กรณี Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/- 215 บาท (Stop loss 194 บาท) 2) ประเมิน Sentiment บวกหลังจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น JAS อนุมัติให้ ADVANC* เข้าซื้อ TTTB และ JASIF โดยกระบวนการถัดไป คือ รอที่ประชุมผู้ถือหุ้น JASIF วันที่ 18 ต.ค. เพื่ออนุมัติให้ปรับเงื่อนไขการเช่าโครงการฯจาก JASIF ซึ่งกรณีที่ประชุมผู้ถือหุ้น JASIF อนุมัติฯ เราประเมินจะเป็นบวกต่อประมาณการฯ ADVANC 3) คาดแนวโน้มผลการดำเนินงานฟื้นตัวใน 2H65 จากการเปิดประเทศ และ Consensus คาดกำไรปีหน้ากลับมาโต +11% YoY ขณะที่ประมาณการฯ มี Upside จากการรวมธุรกิจบรอดแบรนด์ครั้งนี้ 4) Dividend yield ปี 2565 – 66 เฉลี่ยปีละ 3.9% และ 4.3% ตามลำดับ
  • GFPT (เป้าพื้นฐาน 21.5 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 15 บาท / แนวต้าน 15.5 – 16.0 บาท กรณี Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/- 16.5 บาท (Stop loss 14.5 บาท) 2) ประเมิน Sentiment บวกจากการทยอยเปิดประเทศของประเทศหลักๆ ในเอเชีย จะหนุนความต้องการบริโภคเนื้อไก่ โดยเฉพาะญี่ปุ่นที่เป็น 1 ในเป้าหมายหลักของการส่งออกเนื้อไก่ไทย คาดผลการดำเนินงาน 3Q65 โตเด่น และดีต่อเนื่องใน 4Q65 3) เราประเมินราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์มีแนวโน้มชะลอตัวลงต่อเนื่อง ตามแนวโน้มราคาน้ำมัน ขณะที่ราคาเนื้อไก่ยังยืนสูงต่อเนื่อง ทั้งจาก Demand ต่อเนื้อไก่โดยตรง และ Demand จากการที่สินค้าทดแทนอย่างเนื้อหมูที่ปรับขึ้นมาก 4) Valuation ไม่แพง Forward PE 10.6 เท่า / PBV 1.24 เท่า (คิดเป็นราว -0.5 เท่าของส่วนเบี่ยงเบน มาตรฐานในอดีต)

หุ้นมีข่าว

(+) EA* บุกตลาดอีวีมาเลย์ จ่อขายรถบัสไฟฟ้า 200 คัน (กรุงเทพธุรกิจ) “อีเอ” ส่งบริษัทย่อยจับมือ ซีเอฟ เอ็ม ร่วมลงทุนพัฒนาระบบขนส่งมวลชนไร้มลพิษเฟสแรก เซ็นสัญญาขายรถบัสไฟฟ้า 200 คัน ให้ จีเอ็ม แอล-ติดตั้งสถานีชาร์จ เฟส 2 ขยายเรือ-รถบรรทุกไฟฟ้า

(+) ADVANC* จับมือ ZTE เปิดตัว A-Z Center ยกระดับ 5G ในไทย (ข่าวหุ้น) AIS จับมือ ZTE เปิดตัว A-Z Center หรือศูนย์นวัตกรรม 5G แห่งแรกในไทย หวังยกระดับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เพิ่มศักยภาพการแข่งขันของไทย รวมถึงพัฒนาอุปกรณ์ Blade 5G เป็น Smartphone รุ่น ZTE Blade A72 5G คาดวางจำหน่ายเร็วๆ นี้

(+) สีส้มโล่ง ศาลยกฟ้อง BEM* เซ็นสัญญาปีนี้ (ทันหุ้น) ศาลอาญาคดีทุจริตยกฟ้อง ดันสายสีส้มเดินหน้าฉลุย ด้าน รฟม. เผยกำลังเจรจากับ BEM คาดสรุปผลกลางเดือนตุลาคมนี้ เตรียมบรรจุ ครม. มั่นใจลงนามสัญญาได้ภายในปี 2565 ด้าน BEM ฐานะการเงินแกร่ง พร้อมลงทุน 3 หมื่นล้านบาท นักวิเคราะห์ชู BEM ขาขึ้นผู้โดยสารกลับได้สายสีส้มที่สำคัญสุดอันดับ 3 หนุนอัพไซด์อีก 1.40-1.60 บาท

(+) ADB ผนึกพันธมิตรไต้หวัน ลุยขยายตลาดกาวพียูไทย (ทันหุ้น) ADB จรดปากกาเซ็น MOU พาร์ตเนอร์ไต้หวัน ขยายตลาดกาว PU ในประเทศไทย แม่ทัพใหญ่ “พรพิวรรณ นิรมลเฉิดฉาย” เร่งปันมาร์ขึ้นสู่ระดับปกติที่ 80 ล้านบาท พร้อมขยายไลน์ผลิตกลุ่มเครื่องมือแพทย์ ปักเป้ายอดขายทะลุ 2 พันล้านบาท

(+) VIBHA กางแผนลงทุน เพิ่มดีกรีจับคนไข้ต่างชาติ (ประชาชาติธุรกิจ) รพ.วิภาวดีเผยไตรมาส 2 อานิสงส์โควิด-19 ดันรายได้-กำไรพุ่ง อัดงบฯ ลงทุน 1,000 ล้าน ผุด รพ.เพิ่ม-ขยายอาคารใหม่รองรับผู้ป่วย เพิ่มดีกรีจับลูกค้าต่างประเทศ เล็งเปิดแผนกบำบัดรักษาคนไข้ด้วยกัญชง-กัญชา

หุ้นที่เคยแนะนำก่อนหน้า

  • BAFS (เป้าพื้นฐาน 36.5 บาท) แนวรับ 31 บาท / แนวต้าน 32.5 บาท ผ่านได้แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 30 บาท)
  • SNNP (เป้า Consensus 19.9 บาท) แนวรับ 16.8 บาท / แนวต้าน 17.7 – 18.0 บาท ผ่านได้แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 16.8 บาท)
  • EPG* (เป้า Consensus 12.25 บาท) แนวรับ 10.2 บาท / แนวต้าน 10.7 – 11.0 บาท ผ่านได้แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 10 บาท)
  • ERW* (เป้าพื้นฐาน 5 บาท) แนวรับ 4.2 บาท / แนวต้าน 4.34 – 4.4 บาท ผ่านได้แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 4.1 บาท)
  • LH* (เป้าพื้นฐาน 11.2 บาท) แนวรับ 9.05 บาท / แนวต้าน 9.3 – 9.6 บาท (Trailing stop 9.0 บาท)
  • BBL* (เป้าพื้นฐาน 159 บาท) แนวรับ 135.5 บาท / แนวต้าน 139 – 141 บาท (Stop loss 135 บาท)
  • BLA* (เป้า Consensus 51.8 บาท) แนวรับ 36 บาท / แนวต้าน 38.0 – 39.5 บาท ผ่านได้แนะนํา “Let profit run” (Stop loss 36 บาท)
  • KSL (เป้า Consensus 5.07 บาท) แนวรับ 3.82 บาท / แนวต้าน 3.96 – 4.1 บาท (Stop loss 3.8 บาท)
  • OR* (เป้าพื้นฐาน 33.5 บาท) แนวรับ 26 บาท / แนวต้าน 27 – 28 บาท (Stop loss 26 บาท)

Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้

  • SCGP* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 65 บาท จากการเยี่ยมชม SCGP-Inspired Solutions Studio ภายในนิคมอุตสาหกรรมนวนคร ซึ่งจะเป็นการนำเสนอโซลูชันจำลองบรรยากาศสถานที่จริง เพื่อให้เห็นภาพการใช้งานบรรจุภัณฑ์ประเภทต่างๆ ตอบสนองความต้องการเฉพาะตัวของลูกค้า คาดจะช่วยหนุนอัตรากำไร ขณะที่ฝ่ายวิจัยฯ ยังคงประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงาน 2H65 จะฟื้นตัว HoH คาดต้นทุนวัตถุดิบเริ่มชะลอตัวลง ขณะที่ความต้องการซื้อบรรจุภัณฑ์เริ่มฟื้นตัว ยังคงแนะนำ “ซื้อ”
  • SPRC* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 16.3 บาท ฝ่ายวิจัยฯ คาดจะรายงานผลขาดทุนสุทธิใน 3Q65 -2.4 พันล้านบาท (พลิกจากกำไร YoY, QoQ) เป็นผลจากคาดว่าจะมีผลขาดทุนสต๊อกจำนวนมาก อย่างไรก็ดี คาดว่าผลการดำเนินงานหลักจะฟื้นตัวในช่วงฤดูหนาว 4Q65 (คาดอุปสงค์น้ำมันดีเซลจะเพิ่มขึ้นช่วงปลายปี) ในเชิงพื้นฐานยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” แต่นักลงทุนอาจชะลอการลงทุนในช่วงการรายงานผลการดำเนินงาน 3Q65 ที่คาดว่าผลการดำเนินงานจะอ่อนแอไปก่อน
- Advertisement -