Our View? “ไม่ได้ชอบลงอยู่คนเดียว”

คาดตลาดวันนี้ “แกว่งลงต่อ” มองแนวรับที่บริเวณ 1,585 /1,574 และแนวต้านที่บริเวณ 1,600 / 1,606 มองตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย จากการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) เพื่อสกัดเงินเฟ้อ โดยเมื่อคืนนี้เจ้าหน้าที่ FED หลายท่านยังคงสนับสนุนการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง ในขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการ (ครั้งสุดท้าย) GDP ไตรมาส 2 ออกมา -0.6% แม้ไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขประมาณการก่อนหน้า แต่สะท้อนเศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค อีกทั้งกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผนตัวเลขผู้ขอยื่นรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ออกมาลดลง 1.6 หมื่นราย สู่ระดับ 1.93 แสนราย สวนทางจากที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 2.13 แสนราย สะท้อนตลาดแรงงานสหรัฐยังคงฟื้นตัวแข็งแกร่ง ซึ่งเป็นการเปิดทางให้ FED ยังคงสามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ต่อเนื่อง ทางฝากฝั่งของเยอรมนีเปิดเผยตัวเลข CPI เดือน ก.ย. ออกมา +10.0% YoY และ +1.9% MoM สูงกว่าที่ตลาดคาด คาดจะกระตุ้นธนาคารกลางยุโรป (ECB) เร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.75% ในการประชุมครั้งถัดไป คาดเป็นปัจจัยกดดันทิศทางตลาดให้ยังคงอยู่ในโหมด Risk-off ต่อไป กดดันทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวลงต่อ

ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน พ.ย. เมื่อคืนนี้เริ่มชะลอการรีบาวด์ขึ้นบ้างแล้ว ปิดที่ระดับ 81.23 ดอลลาร์/บาร์เรล -0.92 ดอลลาร์ (-1.12%) โดยได้รับแรงกดดันจากรายงานพายุเฮอร์ริเคนเอียน เริ่มอ่อนกำลังลงบ้างแล้ว ทําให้คาดว่าการดาเนินการของบริษัทพลังงานในพื้นที่ดังกล่าวจะเริ่มกลับมาอีกครั้ง รวมทั้ง เรายังมองอุปสงค์น้ำมันดิบโลกที่มีแนวโน้มอ่อนแอลงตามเศรษฐกิจโลกมีโอกาสเข้าสู่ภาวะถดถอยตามการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลกเพื่อสกัดกั้นเงินเฟ้อ คาดจะกดดันทิศทางราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานได้อยู่ในระยะกลาง

ในส่วนของปัจจัยในประเทศวันนี้ แนะนำติดตามคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญในประเด็นการดำรงตำแหน่ง 8 ปีของนายกรัฐมนตรี ซึ่งยังคงมีความไม่แน่นอนค่อนข้างสูง คาดจะเป็น Noise เข้ารบกวนตลาดได้ในระยะสั้น ขณะที่เรายังคงมีมุมมองเป็นกลางต่อการที่ กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก 0.75% เป็น 1.00% เป็นไปตามตลาดคาด และคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ที่ระดับ 3.3% ในปีนี้ และ 3.8% ในปีหน้า ขณะที่เริ่มเห็นสัญญาณของธนาคารพาณิชย์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทั้งเงินฝากและเงินกู้แล้วเมื่อคืนนี้ คาดจะเป็นปัจจัยหนุนธนาคารพาณิชย์อื่นๆ ปรับขึ้นดอกเบี้ยตาม มองเป็นปัจจัยบวกหุ้นในกลุ่มธนาคาร (BBL, KBANK, SCB และ TTB) โดยเราประเมินว่าหากดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภทขึ้น 0.25% จะทำให้ Loans Yield ของ BANK จะ ปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 1-3 bps ซึ่งจะส่งผลกำไรปี 65 ของกลุ่มธนาคารปรับเพิ่มขึ้น 2-5% รวมทั้งอาจต้องติดตาม แนวโน้มการท่า Window Dressing ของนักลงทุนสถาบัน ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ในช่วงเวลาปิดงบประว่าไตรมาส คาดอาจส่งผลให้ตลาดผันผวนได้บ้าง

อีกทั้งเรายังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการยกเลิก พรก.ฉุกเฉิน และการประกาศให้ Covid-19 เป็น โรคติดต่อเฝ้าระวัง ตั้งแต่ 1 ต.ค. เป็นต้นไป คาดเป็นปัจจัยหนุนเพิ่มขึ้นต่อภาพรวมการท่องเที่ยว จากก่อนหน้าคาด 4Q′65 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะอยู่ที่ระดับ 1.5 ล้านคน/เดือน คาดทั้งปี’65 ขึ้นสู่ระดับ 10 ล้านคน และคาดใน ปี’66 จำนวนตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติจะกลับมาอยู่ที่ระดับ 32 ล้านคน/ปี คิดเป็นราว 80% ของ Pre Covid-19 สูงกว่าตลาดคาดไว้ก่อนหน้าที่ 50-60% คาดช่วยหนุนทิศทางหุ้นในกลุ่มโรงแรม-ท่องเที่ยว-สายการบิน (AOT, MINT, CENTEL, ERW, SHR, VRANDA, AAV และ BA) ปรับตัวขึ้นได้อีกครั้ง

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนําวันนี้ “MINT”

กลยุทธ์ ตั้งรับเพื่อรอรีบาวด์ แนวรับ 25.25 / 24.70 Target 28.50 / 26.50 Stop <24.50

- Advertisement -