บล.บัวหลวง:

PTT Oil and Retail Business (OR TB / OR.BK)

OR – การเติบโตได้เริ่มขึ้นแล้ว

เราได้จัดงาน virtual roadshow ให้กับนักลงทุนในประเทศเมื่อวันพุธที่ผ่านมา นักลงทุนมองมีมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับแนวโน้มการเติบโตในระยะสั้นและในอนาคตของ OR ซึ่งประเด็นสําคัญของการ ประชุมสรุปได้ดังนี้:

ธุรกิจ Mobility…เติบโตอย่างต่อเนื่อง

กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น ภายหลังการผ่อนคลายของสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยและประเทศในกลุ่มอาเซียน ส่งผลให้อุปสงค์ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาในไตรมาส 3/65 ปริมาณขายน้ำมันของ OR คาดว่าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 3/65 ใกล้เคียงกับครึ่งแรกของปี 2565 (ซึ่งปริมาณขายน้ำมันเพิ่มขึ้น 19% YoY) โดยหนุนจากทั้งกลุ่มค้าปลีกและการค้าเชิงพาณิชย์ ซึ่งไตรมาส 3/65 น่าจะเป็นช่วงโลว์ซีซันที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับช่วงโลว์ซีซันไตรมาส 3 ของปีก่อนๆ สําหรับมุมมองด้านมาร์จิ้น กำไรขั้นต้นของธุรกิจน้ำมันของ OR ในไตรมาส 3/65 มีแนวโน้มที่จะทรงตัวเหนือ 1 บาท/ลิตร แม้ว่าอาจจะอ่อนตัวลงเล็กน้อย QoQ

เมื่อมองไปข้างหน้า ธุรกิจ Mobility ของ OR จะยังคงอยู่ในแนวโน้มขยายตัว หนุนโดยปริมาณขายน้ำมันที่เพิ่มขึ้นควบคู่ไปกับการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทย และประเทศกลุ่มอาเซียน และการเปิดสถานีบริการใหม่ บริษัทมีแผนจะเปิดสถานีใหม่ 117 แห่งในปี 2565 และอีกประมาณ 100 สถานีต่อปีในอนาคตข้างหน้า นอกจากนี้บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะขยายสถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าจาก 100 แห่ง ณ สิ้นปี 2564 ไปเป็น 450 แห่ง ณ สิ้นปี 2565

ธุรกิจ Lifestyle…อัตรากำไรขยายตัว

นอกจากธุรกิจ Mobility ที่แข็งแกร่งแล้ว ธุรกิจ Lifestyle มีแนวโน้มที่จะรายงานอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้นในครึ่งหลังของปี 2565 หนุนจากการปรับราคาขายเครื่องดื่มเพิ่มขึ้น (โดยปรับเพิ่มขึ้น 5 บาท/แก้ว มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2565 เป็นต้นไป) เพื่อส่งต่อต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ดังนั้น EBITDA margin ของธุรกิจ Lifestyle จึงคาดว่าจะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่กรอบบนของระดับ 27-29% (เทียบกับ 28% ในครึ่งแรกของปี 2565) ธุรกิจ Lifestyle ของ OR จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง หนุนโดยการขยายร้าน Cafe Amazon และการรับรู้รายได้จากการลงทุนในช่วงที่ผ่านมา บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะเปิดสาขาใหม่ 415 แห่งในปี 2565 และประมาณ 400 แห่งต่อปีในอนาคต

แนวโน้มการเติบโตในระยะยาวสดใส

OR ได้ขยาย “Mobility & Lifestyle Ecosystem” อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจ non-oil ทั้งในส่วนของธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มและธุรกิจใหม่ๆ เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า, สุขภาพ, การท่องเที่ยว-โดยการเข้าซื้อกิจการ การร่วมลงทุน, และสตาร์ทอัพ หลังจากการลงทุนไปหลายดีลในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มในช่วงสองปีที่ผ่านมา การรับรู้ผลตอบแทนจากการลงทุนดังกล่าวคาดว่าจะเห็นความชัดเจนมากขึ้นตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นไป ในปีหน้า OR จะเน้นไปที่การลงทุนในธุรกิจที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มมากขึ้น กลยุทธ์เหล่านี้จะเป็นอัพไซด์ต่อประมาณการกำไร และเพิ่มความสามารถในการทํากำไรของ OR ในระยะยาว เนื่องจากธุรกิจ non-oil ให้อัตรากําไร (ช่วง 27-29%) ซึ่งสูงกว่าอัตรากําไรจากธุรกิจน้ำมัน (ช่วง 2-5%) นอกจากนี้ OR จะยังคงขยายธุรกิจต่างประเทศในประเทศ/ภูมิภาค ที่มีศักยภาพสูงและให้ความสําคัญกับประเทศกลุ่มอาเซียนเป็นอันดับแรก

OR ตั้งงบลงทุนที่ 1.03 แสนล้านบาท สำหรับปี 2565-2569 โดยมีเป้าหมายเพื่อรับรู้ EBITDA ที่มากขึ้นจากธุรกิจ Lifestyle และธุรกิจต่างประเทศ โดยเป้าหมายสัดส่วน EBITDA ในช่วง 5 ปี ข้างหน้ามีดังนี้ 45-50% จากธุรกิจ Mobility (จาก 75% ในปัจจุบัน), 28-33% จากธุรกิจ Lifestyle (จาก 20%), และ 10-15% จากธุรกิจ ต่างประเทศ (จาก 4%)

 

 

- Advertisement -