Daily Focus: Domestic and Selective Play

2023 SET Target: 1760

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ร่วงแรงกว่าที่เราและตลาดคาดมาก รวมถึงปรับลงแรงกว่าภูมิภาค ดัชนีปิดลบถึง 31.46 จุด นำโดยหุ้นขนาดใหญ่ทั้งธนาคาร ค้าปลีก พลังงาน เป็นต้น สถาบันในประเทศขายสุทธิหนาแน่นถึง 1.3 หมื่นลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2.6 พันลบ. (แต่ยัง Short Index Futures อีก 3.8 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index ฟื้นตัวทดสอบระดับ 1,580+- จุด หลังปรับฐานแรงถึง -6.7% จาก High เดือน ก.ย. รวมถึง RSI ที่เข้าเขต Oversold บรรยากาศการลงทุนผ่อนคลายมากขึ้น หลัง Bond Yield ของสหรัฐฯ ชะลอตัวลง หลังตลาดเริ่มมีการปรับคาดการณ์ดอกเบี้ยช่วงต้นปี 2023 ของ FED ลดลงจากช่วงก่อนหน้าเล็กน้อย ส่งผลให้เม็ดเงินไหลกลับเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงระยะสั้น ส่วนปัจจัยในประเทศภาพรวมยังทยอยฟื้นตัว ประเด็นน้ำท่วมยังไม่ถึงขั้นน่ากังวล แต่ยังต้องติดตามสถานการณ์อีกระยะว่าจะรุนแรงขึ้นหรือไม่ เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่ม Domestic และ Reopening Play ได้แก่ ท่องเที่ยว อาหาร ค้าปลีก ธนาคาร เป็นต้น ซึ่งได้อานิสงส์จากเศรษฐกิจขาขึ้น ส่วนกลยุทธ์เน้นถือลงทุนระยะกลาง-ยาว หลังให้ทยอยสะสมหุ้นเพิ่มช่วงตลาดพักฐาน

กลยุทธ์ : ลงทุนใน Domestic และ Selective Play // ถือลงทุนหลังสะสมหุ้นเพิ่ม

หุ้นเด่นเดือน ต.ค. : BBL, BDMS, CK, CPALL, TU

หุ้นเด่นวันนี้ : TU

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 24.50 บาท
  • คาดกำไรสุทธิ 3Q22 ทำจุดสูงสุดรอบ 5 ไตรมาส +32% Q-Q, +11% Y-Y จาก High Season บาทอ่อน  โดยเติบโตทุกธุรกิจทั้ง Ambient Frozen และ Pet Food & Value Added รวมถึงมีการปรับเพิ่มราคาขายขึ้น โดยเฉพาะในยุโรปเพื่อชดเชยต้นทุนพลังงานที่สูง Red Lobster ยังขาดทุนแต่คาดไม่มีค่าใช้จ่ายพิเศษเหมือนไตรมาสก่อน
  • แนวโน้ม 4Q22 จะอ่อนตัวลงตามฤดูกาล แต่ประเมินกำไรทั้งปีมีโอกาสสูงกว่าประมาณการปัจจุบันของเราถึง 15% ขณะที่ปี 2023 คาดยังมีทิศทางแข็งแรง ราคาหุ้นปัจจุบันเทรด 2023PER ต่ำเพียง 12 เท่า
  • แนวรับ 18-17.80 บาท แนวต้าน 18.80//19.30 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนยังไหลออกจากตลาดหุ้นภูมิภาค US$334 ล้าน แต่เช่นเคยยังคงกระจุกตัวที่ไต้หวัน US$371 ล้าน ส่วนฝั่งอาเซียนเม็ดเงินยังผสมผสานไหลเข้าไทยและอินโดนีเซีย แต่ไหลออกจากเวียดนามและฟิลิปปินส์ แนวโน้มของกระแสเงินทุนมีโอกาสพลิกมาไหลเข้าระยะสั้น หลัง Bond Yield สหรัฐฯ เริ่มชะลอตัว หนุนเม็ดเงินกลับเข้าสินทรัพย์เสี่ยง

ประเด็นสําคัญวันนี้

(0) REIT Focus ดัชนี PF&REIT เดือน ก.ย. -4% สอดคล้องกับ SET Index ที่พักฐานจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลก ทำให้ Flow ไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยงต่อเนื่อง และทำให้ความน่าสนใจของกลุ่ม REIT ลดลง อย่างไรก็ตาม เรามองว่ากระแสเงินสดที่สม่ำเสมอและต่อเนื่องของกลุ่ม REIT ยังคงช่วยกระจายความเสี่ยง นอกเหนือจากการลงทุนในหุ้นเพียงอย่างเดียว โดยยังคงเน้นกองทุนคลังสินค้าที่อัตราการเช่าสูง และกองที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเมือง โดยมี Dividend Yield เฉลี่ย 6.8% เราเลือก Top Pick 5 กองทุน ได้แก่ AIMIRT ALLY CPNREIT FTREIT WHART

(+) กลุ่มธนาคาร คาดกำไร 3Q22 ของกลุ่มฯ -1% Q-Q จากปัจจัยฤดูกาล แต่ +24% Y-Y แข็งแกร่งจากสินเชื่อที่คาดเติบโตดี +3.9% Y-Y การตั้งสำรองที่ลดลงอย่างมีนัยยะ คาดชดเชยรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่ชะลอและค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น เราประเมิน NIM จะขยับกว้างขึ้นในระยะถัดไปตามภาวะเศรษฐกิจและดอกเบี้ยขาขึ้น ส่วนคุณภาพสินทรัพย์ยังอยู่ในระดับที่จัดการได้ และมีการตั้งสำรองล่วงหน้าเผื่อไปแล้ว ยังคงน้ำหนักการลงทุน Overweight โดย Top Pick ยังคงเป็น BBL KTB

(+) ASW ยอด Presales 3Q22 อยู่ที่ 5.1 พันลบ. (+9% Q-Q, +202% Y-Y) หนุนจากยอดขายคอนโดเปิดใหม่ใน 9M22 ที่ 5 โครงการทำ Take-up rate เฉลี่ย 40-50% และอีก 1 แห่ง Sold out ทำให้ 9M22 ทำได้ 1.3 หมื่นลบ. เกินเป้าที่ตั้งไว้ 1 หมื่นลบ. และ 4Q22 มีแผนเปิดเพิ่ม 2 โครงการ เบื้องต้นคาดกำไร 3Q22 ชะลอลง เนื่องจากโอนคอนโด JV ใหม่เพียง 1 แห่ง และเร่งรับรู้แบรนด์ Kave ที่ขายดีไปมากในไตรมาสก่อน อย่างไรก็ดี 4Q22 จะเร่งขึ้นทำจุดสูงสุดของปี จากคอนโดใหญ่สร้างเสร็จ 2 แห่ง คงราคาเป้าหมาย 10 บาท ราคาหุ้นเทรดบน PER 6 เท่า และให้ Dividend Yield 7% แนะนำ “ซื้อ”

 

(+) ตลาดดาวโจนส์ ปิดที่ 29,490.89 จุด เพิ่มขึ้น 765.38 จุด หรือ +2.66% หลังตัวเลขดัชนีภาคการผลิตที่ลดลงอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี ทำให้ตลาดคลายความกังวลเกี่ยวกับการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก หลังข้อมูลกิจกรรมการผลิตทั่วยูโรโซน (PMI) ลดลงอีกในเดือนก.ย. ช่วยคลายความกังวลการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ ECB

(+) ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับบวก ตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ

(0) ค่าเงินบาท แกว่งตัวแคบ อยู่ที่บริเวณ 37.87 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 4.14 ดอลลาร์ หรือ 5.2% ปิดที่ 83.63 ดอลลาร์/บาร์เรล จากการคาดการณ์ว่ากลุ่มประเทศโอเปกพลัส จะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันครั้งใหญ่ในการประชุมวันพุธนี้

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 30 ดอลลาร์ หรือ 1.79% ปิดที่ 1,702 ดอลลาร์/ออนซ์ ได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 942.59 / +3.19

- Advertisement -