บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):

KCE Electronics (KCE.BK/KCE TB)*

ประมาณการ 3Q65F: กำไรจะเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ

Event

เราคาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักของ KCE ใน 3Q65F จะเพิ่มขึ้นเป็น 661 ล้านบาท (+10% YoY, +10% QoQ) จากการเพิ่มขึ้นของทั้งยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้น ส่งผลให้กำไรจากธุรกิจหลักในงวด 9M65F อยู่ที่ 1.8 พันล้านบาท (+14% YoY) คิดเป็น 70% ของประมาณการกำไรเต็มปีของเรา

Impact

ยอดขายจะเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ

จากบทวิเคราะห์กลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ของ KGI ไต้หวัน “Divergent market performance, EV & China market are near term bright spots” ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2565 ยอดขายรถยนต์ทั้งโลกเพิ่มขึ้น YoY ต่อเนื่องเป็นเดือนที่สามในเดือนสิงหาคม (+18% YoY) โดยยอดขายรถยนต์ในประเทศจีนเพิ่มขึ้น 7% YoY ในช่วง 8M65 ในขณะที่ยอดขายในสหรัฐหดตัว 15% YoY และในยุโรปหดตัว 18% YoY เราคาดว่าการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ และการเดินเครื่องกำลังการผลิตใหม่ของ KCE อย่างราบรื่น จะทำให้รายได้ใน 3Q65F เพิ่มขึ้นเป็น 4.9 พันล้านบาท (+30% YoY, 47% QoQ) แต่หากไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน เราคาดว่ายอดขายใน 3Q65F จะอยู่ที่ 137 ล้านดอลลาร์ฯ (+19% YoY, +1% QoQ) ส่งผลให้ยอดขายในงวด 9M65F อยู่ที่ 411 ล้านดอลลาร์ฯ (+20% YoY) คิดเป็น 75% ของประมาณการยอดขายเต็มปีของเรา นอกจากนี้ เราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นของ KCE ใน 3Q65F จะอยู่ที่ 23.9% (-3.2ppts YoY, +1.1ppts QoQ) เนื่องจาก i) การเดินเครื่องกำลังการผลิตใหม่เป็นไปอย่างราบรื่น ii) เงินบาทอ่อนค่าลง (อัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยใน 3Q65 อยู่ที่ 36.30 บาท/ดอลลาร์ฯ จาก 32.80 บาท/ ดอลลาร์ฯ ใน 3Q64 และ 34.30 บาท/ดอลลาร์ฯ ใน 2Q65) และ iii) ราคาทองแดงลดลง (ราคาทองแดง เฉลี่ยอยู่ที่ 7,800 ดอลลาร์ฯ/ตัน ใน 3Q65 (-18% YoY, 19% QoQ)) ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นในงวด 9M65F อยู่ที่ 23.2% (-3.9ppts YoY) เทียบสมมติฐานปี 2565F ของเราที่ 23.9%

ตลาด EV ยังเป็นความหวังในระยะยาว แต่ความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจจะเป็นปัจจัยกดดันในระยะสั้น เราปรับลดประมาณการกำไร และ de-rate PER

เรามองว่าตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) เป็นความหวังของ KCE เพราะคาดว่ายอดขาย EV จะโตถึง 29% CAGR ในช่วงปี 2564-2568 โดยมีอัตราการใช้งาน EV (EV Penetration rate) อยู่ที่ 20.4% ภายในปี 2568F  เราคาดว่า EV penetration rate ของจีน สหรัฐ และยุโรปจะเร่งตัวขึ้นจากประมาณ 5-15% ในปี 2564 เป็นประมาณ 20-30% ในปี 2568 อย่างไรก็ตาม ความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในยุโรป อาจจะกดดันผลการดำเนินงานของ KCE เพราะ 50% ของรายได้รวม เกี่ยวข้องกับยุโรป โดยในช่วงวิกฤติหนี้ EU ในปี 2555 ยอดขายของ KCE ลดลงไปถึง 12% YoY ดังนั้น เราจึงปรับสมมติฐานใหม่ และปรับลดประมาณการกำไรปี 2566 ลง 19% เรา de-rate PER จากเดิม 25.0x (ค่าเฉลี่ย) เหลือ 22.0x (-0.25 S.D.) เพื่อสะท้อนถึงผลประกอบการที่ไม่น่าสนใจ (-3% YoY ในปี 2566F และ +6% YoY ในปี 2567F)

Valuation & action

เราปรับลดราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 ลงจาก 66.00 บาท เหลือ 47.00 บาท อิงจาก PER ที่ 22.0x (ค่าเฉลี่ย ในอดีต -0.25 S.D.) และปรับลดคําแนะนําจาก “ซื้อ” เป็น “ถือ”

Risks

ภัยธรรมชาติ, มีการปิดโรงงานนอกแผน, ลูกค้าเปลี่ยนไปสั่งสินค้าจาก supplier รายอื่น, ขาดแคลนวัตถุดิบ, เงินบาทแข็งค่าขึ้น (เราใช้สมมติฐานอัตราแลกเปลี่ยนปี 2565-66 ที่ 34.50 บาท/ดอลลาร์ฯ)

- Advertisement -