Daily Focus: Energy Lead

2023SET Target: 1760

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ฟื้นตัวได้ดีพอสมควรตามตลาดหุ้นทั่วโลก โดยดัชนีปิดบวกได้ 19.95 จุด นำโดยหุ้นขนาดใหญ่ที่มีแรงซื้อกลับ ทั้งกลุ่มพลังงาน ธนาคาร ค้าปลีก เป็นต้น สถาบันในประเทศพลิกมาซื้อสุทธิบางๆ ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1.3 พันลบ. (และยัง Short Index Futures อีก 1.4 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index ฟื้นตัวต่อเนื่อง ทดสอบระดับ 1,590+- จุด ตามบรรยากาศการลงทุนที่ยังคงเป็นบวก หลังตลาดหุ้นสหรัฐาฯ ยังฟื้นตัวได้ค่อนข้างดี ตลาดเริ่มคาดหวังมากว่าขึ้นว่า FED อาจขึ้นดอกเบี้ยปี 2023 น้อยกว่าที่ประเมินจากความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เสี่ยงเกิด Recession มากขึ้น ส่งผลให้ Bond Yield และ Dollar Index พักตัว หนุนเม็ดเงินกลับเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยง ส่วนกลุ่มพลังงานต้นน้ำ คาดนำตลาดตามราคานํ้ามันดิบที่พุ่งขึ้นต่อเนื่อง โดยการประชุม OPEC+ วันนี้ตลาดคาดมีโอกาสลดกำลังการผลิตลงกว่า 1 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือน พ.ย. และอาจสูงได้ถึง 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ส่วนปัจจัยในประเทศยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แนวโน้มเศรษฐกิจจะทยอยฟื้นตัว และชัดเจนขึ้นใน 4Q22 จาก High Season ของทั้งภาคการท่องเที่ยวและการจับจ่ายใช้สอย เป็นบวกต่อกลุ่ม Domestic และ Reopening Play ส่วนกลยุทธ์ แนะนำซื้อลงทุนระยะกลาง-ยาวหลังทยอยสะสมหุ้นเพิ่มช่วงตลาดพักฐานไปแล้ว

กลยุทธ์ : ลงทุนใน Domestic และ Selective Play // ถือลงทุนหลังสะสมหุ้นเพิ่ม

หุ้นเด่นเดือน ต.ค. : BBL, BDMS, CK, CPALL, TU

หุ้นเด่นวันนี้ : TACC

  • ลแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 8.70 บาท
  • แนวโน้ม 3Q22-4Q22 ยังสดใส ตามการ Reopening คาดกำไรเติบโต Y-Y ตาม Traffic ของ 7-11 ที่ฟื้นตัว และการออกเครื่องดื่มเมนูใหม่ ผู้บริหารคงเป้ารายได้ปี 2022 เติบโต 8-10% และตั้งเป้าเติบโต 10-15% ในปี 2023 ตามการขยาย 7-11 ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการฟื้นตัวของ Character Business
  • เราคาดยังมี Catalyst บวกรออยู่ ทั้งต้นทุนวัตถุดิบที่เริ่มปรับลดลงใน 2H22 และโอกาสที่ TACC จะได้ปรับราคาขายขึ้นตาม All Café ที่ปรับขึ้นราคาเครื่องดื่มไปแล้วปลายเดือน ก.ย. ยังคาดกำไรปี 2022-2023 +9% Y-Y และ +14% Y-Y
  • แนวรับ 6.60 บาท แนวต้าน 7-7.10 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนพลิกมาใหลเชาภูมิภาคตามคาด US$370 ล้าน นำโดยเกาหลีใต้และไต้หวันประเทศละ US$191-196 ล้าน ส่วนฝั่งอาเซียนเม็ดเงินยังผสมผสานไหลเข้าอินโดนีเซียสูงสุด แต่ไหลออกจากไทยและเวียดนาม แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดยังอยู่ในทิศทางไหลเข้าตาม Bond Yield สหรัฐฯ และ Dollar Index ที่ชะลอตัว โดยตลาดเริ่มคาดหวังว่า FED อาจขึ้นดอกเบี้ยน้อยกว่าคาดจากความกังวลเศรษฐกิจถดถอยที่สูงขึ้น

ประเด็นสําคัญวันนี้

(+) เม็ดเงินไหลกลับเข้าสินทรัพย์เสี่ยงระยะสั้น หลัง Bond Yield อายุ 10 ปี ของสหรัฐฯ ชะลอตัวลงจากจุดสูงสุดสัปดาห์ก่อนที่ 4% ลงเหลือ 3.57% รวมถึง Dollar Index ที่พักตัวลง ประกอบกับดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกที่พักตัวค่อนข้างแรงในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ทำให้มีแรงซื้อกลับและเกิดการ Rebound ส่วนคาดการณ์ดอกเบี้ยจาก FedWatch ในช่วงต้นปี 2023 ดูผ่อนลงเล็กน้อยจากคาดการณ์ส่วนใหญ่เดิมที่อาจเห็นการขยับขึ้นอีก 0.25% เหลือเป็นคงดอกเบี้ยที่ระดับราว 4.50% สะท้อนมุมมองเงินเฟ้อที่ผ่อนคลายลงบ้าง อย่างไรก็ตาม ต้องจับตาเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือน ก.ย. ที่จะประกาศวันที่ 13 ต.ค. นี้ ตลาดคาดเงินเฟ้อทั่วไปและเงินเฟ้อพื้นฐาน +8.1% Y-Y และ +6.5% Y-Y ตามลำดับ หากออกมาสูงกว่าคาด มีโอกาสที่เม็ดเงินจะพลิกกลับมาไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง

(-) AEONTS กำไร 2Q22 (มิ.ย.-ส.ค. 22) −19% Q-Q, +33% Y-Y ต่ำกว่าตลาดคาด 7% เป็นผลจากการขาย NPL ที่หายไปในไตรมาสนี้ ต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นจากการล็อคดอกเบี้ยระยะยาว และ Credit Cost ที่เพิ่มขึ้นตาม NPL และเรายังมีความกังวลต่อคุณภาพสินทรัพย์ เนื่องจากฐานลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ในระดับกลาง-ล่าง ซึ่งถูกกระทบจากเงินเฟ้อมากที่สุด แนวโน้มกำไร 3Q22 คาดดีขึ้นทั้ง Q-Q และ Y-Y ยังคงราคาเป้าหมาย 188 บาท แนะนำเพียง “ถือ” (ประธานกรรมการ/กรรมการ (มีอำนาจลงนาม) ของ FINANSIA SYRUS เป็นกรรมการของ AEONTS)

(+) PJW ยอดขายรถยนต์ในประเทศเริ่มฟื้นตัวในเดือน ส.ค. ขณะเดียวกันโรงงานในจีนถูกกระทบจากการ Lockdown เป็นระยะเวลาสั้นๆ ในช่วงปลายเดือน ก.ย. หนุนรายได้จากการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ของ PJW ใน 3Q22 ประกอบกับรายได้ในส่วนอื่นทั้ง Consumer packaging และบรรจุภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น ขยายตัวได้ตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เราคาดรายได้ 3Q22 +2% Q-Q, +20% Y-Y อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น เพราะสต็อกวัตถุดิบต้นทุนสูงใช้ไปเกือบหมด ส่วนต้นทุนใหม่มีราคาต่ำลง อย่างไรก็ตาม ประมาณการปี 2022 ของเราอาจมี downside 10% แต่ไม่กระทบราคาเป้าหมายที่อิงกําไรปี 2023 การเติบโตของผลประกอบการในปี 2023 ที่คาด +68% Y-Y จะมาจากผลิตภัณฑ์ New S-curve เช่น วัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์ที่ร่วมมือกับ Innobic-IRPC เปลือกแบตเตอรี่รถ EV ที่พัฒนาให้ EA และไซริงค์ที่ IP ช่วยทำตลาด คงราคาเป้าหมาย 6.70 บาท แนะนำ “ซื้อ”

 

(+) ตลาดดาวโจนส์ ปิดที่ 30,316.32 จุด พุ่งขึ้น 825.43 จุด หรือ +2.80% นักลงทุนคลายความกังวลการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของ FED จากตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอ

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก ตามทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลก จากความคาดหวังว่าธนาคารกลางทั่วโลกจะชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ย

(+) ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับบวก ตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ

(+) ค่าเงินบาท แข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 37.49 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 2.89 ดอลลาร์ หรือ 3.5% ปิดที่ 86.52 ดอลลาร์/บาร์เรล จากการคาดการณ์ว่าโอเปกพลัสจะลดกำลังการผลิตครั้งใหญ่ในการประชุมวันนี้

(+) ราคาทองคํา COMEX เพิ่มขึ้น 28.5 ดอลลาร์ หรือ 1.67% ปิดที่ 1,730.5 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และการลดลงของผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ

SPDR Gold Trust ถือครองทองค่า 944.63 / +2.04

- Advertisement -