Daily Focus: Domestic Reopening and Earnings Play

2023SET Target: 1760

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ฟื้นตัวได้พอสมควรระหว่างวันต่อเนื่องจากวันก่อนหน้า ตาม Sentiment บวกจากเม็ดเงินที่กลับเข้าสินทรัพย์เสี่ยงระยะสั้น อย่างไรก็ตาม ยังมีแรงขายออกมากดดัน ทำให้ดัชนีปิดบวกได้เพียง 2.27 จุด ณ สิ้นวัน สถาบันในประเทศขายสุทธิในตลาดหุ้นอ่อนๆ 294 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 226 ลบ. (และกลับมา Long Index Futures หนาแน่น 2.3 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่งตัว Sideways to Sideways Up ในกรอบ 1,575-1,590 จุด ตามตลาดหุ้นทั่วโลหที่เริ่มชะลอความร้อนแรง หลัง Rebound ค่อนข้างดีในช่วง 2 วันก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม กลุ่มพลังงานคาดว่ายังนำตลาดได้ต่อเนื่อง หลังราคาน้ำมันดิบยังปรับตัวขึ้นจากผลการประชุม OPEC+ ที่ตกลงลดกำลังการผลิตถึง 2 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือน พ.ย. สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2020 ซึ่งราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นทำให้ตลาดกังวลมากขึ้นต่อทิศทางเงินเฟ้อในระยะถัดไปที่อาจยังปรับตัวลงได้ช้า ส่งผลให้ Dollar Index และ Bond Yield เริ่มพลิกกลับมาขยับขึ้นอีกครั้ง กดดันสินทรัพย์เสี่ยงให้ชะลอตัว ปัจจัยในประเทศยังไม่มีประเด็นใหม่ โฟกัสตลาดยังอยู่ที่ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือน ก.ย. ที่จะประกาศสัปดาห์หน้า รวมถึงการเริ่มทยอย Preview ผลประกอบการ 3Q22 เรายังมองบวกต่อหุ้นกลุ่ม Domestic และ Reopening Play โดยเฉพาะใน 4Q22 ที่เข้า High Season ของทั้งภาคการท่องเที่ยวและการจับจ่ายใช้สอยแล้ว กลยุทธ์แนะนำถือลงทุนระยะกลาง-ยาวหลังทยอยสะสมหุ้นเพิ่มช่วงตลาดพักฐาน

กลยุทธ์ : ลงทุนใน Domestic Reopening และ Selective Play // ถือลงทุนหลังสะสมหุ้นเพิ่ม

หุ้นเด่นเดือน ต.ค. : BBL, BDMS, CK, CPALL, TU

ห้นเด่นวันนี้ : AAV

• แนะนำ “เก็งกำไร” ราคาเป้าหมายจาก FSSIA 3.40 บาท

• โมเมนตัมกำไร 2H22 คาดฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ ตามการทยอยเปิดประเทศต่อเนื่องในแถบเอเชีย คาดสามารถเพิ่มเที่ยวบินต่างประเทศได้เป็น 50% เทียบกับก่อน COVID-19 ได้ภายในสิ้นปีนี้

• FSSIA คาดผลการดำเนินงานปี 2022 จะขาดทุนเป็นปีสุดท้ายก่อนพลิกกำไรในปี 2023 ที่ 1.2 พันลบ. ตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะฟื้นตัว และได้อานิสงส์โดยตรงจากการทยอยเปิดประเทศของฝั่งเอเชียตะวันออก รวมถึงจีนหากเริ่มเปิดประเทศปีหน้า

• แนวรับ 2.90-2.80 บาท แนวต้าน 3.06//3.16-3.50 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนโดยรวมทรงตัว เม็ดเงินไหลเข้าไต้หวัน US$80 ล้าน แต่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$133 ล้าน ส่วนฝั่งอาเซียนเม็ดเงินไหลเข้าบางๆ ทุกประเทศรวมกันราว US$23 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่าพลิกมาไหลออกบางๆ หลัง Bond Yield สหรัฐฯ เพิ่มพลิกกลับมาปรับขึ้นอีกครั้ง ขณะที่ราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นสร้างความกังวลต่อเงินเฟ้อในระยะถัดไปมากขึ้นเช่นกัน

ประเด็นสําคัญวันนี้

(0) เงินเฟ้อไทยเดือน ก.ย. ส่งสัญญาณผ่านจุดสูงสุด โดยเงินเฟ้อทั่วไป +6.41% Y-Y ชะลอจากเดือนก่อนหน้าที่ +7.89% Y-Y ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐาน +3.12% Y-Y ใกล้เคียงเดือนก่อนที่ +3.15% Y-Y แต่ทั้ง 2 ตัวเลขถือว่าต่ำกว่าที่ตลาดคาดเล็กน้อย ทำให้ไม่เป็นปัจจัยกดดันเพิ่มเติม แนวโน้มของเงินเฟ้อทั่วไปอาจมีจังหวะเร่งขึ้นบ้างตาม ราคาพลังงานที่เริ่มปรับขึ้นอีกครั้ง ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐานคาดใช้เวลาอีกระยะก่อนปรับฐานสู่ระดับปกติราว 2%+- ในปี 2023 แนวโน้มการประชุมกนง.ครั้งสุดท้ายของปีคาดยังปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% เป็น 1.25% ส่วนปี 2023 คาดปรับขึ้นอีกอย่างน้อย 2 ครั้งเป็น 1.75%

(0) TACC คาดกำไร 3Q22 -18% Q-Q, +1% Y-Y แม้คาดรายได้ฟื้นตัวดีตามการ Reopen แต่ถูกกระทบจากต้นทุนที่สูงขึ้น หลังใช้สต็อกราคาต่ำหมดไปใน 2Q22 ส่งผลต่อ Margin ให้ชะลอลง อย่างไรก็ตาม ยังคาดกำไร 4Q22 จะกลับมาฟื้นตัวตามฤดูกาล เรายังคาดกำไรสุทธิปี 2022-2023 +9% Y-Y และ +14% Y-Y ตามลำดับ แนวโน้มต้นทุนเริ่มปรับลดลง และคาดจะเป็นบวกต่อกำไรใน 1H23 กอปรกับการขยายธุรกิจในต่างประเทศจะเป็น Catalyst ในปี 2023 คงราคาเป้าหมาย 8.70 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

(0) ORI ยอด Presales 3Q22 +21% Q-Q, +61% Y-Y ที่ 1.2 หมื่นลบ. ทำให้ 9M22 ทำได้ 84% ของเป้าทั้งปีที่ 3.5 หมื่นลบ. +16% Y-Y ซึ่งเชื่อว่าบรรลุได้จากแผนเปิดตัวอีก 13 โครงการใน 4Q22 อย่างไรก็ตาม  คอนโด JV ใหญ่ Park Origin Ratchathewi (มูลค่า 3 พันลบ. Sold 96%) เลื่อนการโอนจากปลาย 3Q22 เป็นต้น 4Q22 ทำให้กำไร 3Q22 เบื้องต้นคาดอยู่ที่ 800+- ลบ. -30% Q-Q, +10% Y-Y ก่อนเร่งขึ้นอีกครั้งใน 4Q22 ระยะยาวยังได้อานิสงส์จากการขยายไปยังธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ซึ่งคาดเริ่มเก็บเกี่ยวรายได้ธุรกิจใหม่ตั้งแต่ 2H22 และมีแผน IPO Primo ใน 4Q22 คงราคาเป้าหมาย 13 บาท แนะนำ “ซื้อ

 

(-) ตลาดดาวโจนส์ ปิดที่ 30,273.87 จุด ลดลง 42.45 จุด หรือ -0.14% หลังตัวเลขจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในเดือนก.ย. ทำให้ตลาดกังวลว่า FED อาจเร่งขึ้นดอกเบี้ยได้โดยไม่กระทบกับตลาดแรงงานมากนัก

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ จากความกังวลแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น หลังธนาคารกลางนิวซีแลนด์ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50%

(+) ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับบวก จากการเพิ่มขึ้นของหุ้นในกลุ่มพลังงาน หลังโอเปกพลัสลดกำลังการผลิต

(+) ค่าเงินบาท แข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 37.40 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 1.24 ดอลลาร์ หรือ 1.4% ปิดที่ 87.76 ดอลลาร์/บาร์เรล รับโอเปกพลัสลดกำลังการผลิต 2 ล้านบาร์เรล/วัน สำหรับ เดือนพ.ย. ซึ่งเป็นการปรับลดครั้งใหญ่นับตั้งแต่ปี 2563

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 9.7 ดอลลาร์ หรือ 0.56% ปิดที่ 1,720.8 ดอลลาร์/ออนซ์ ตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 946.34 / +1.71

- Advertisement -