ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้
ปรับลงต่อ ปัจจัยต่างประเทศยังไม่ดี
ฝ่ายวิจัย KGI ประเมิน SET Index วันอังคาร ยังคงปรับลดลงต่อ…. หลังจากเมื่อวานนี้ ตลาดหุ้นไทยปิดลบ 0.58% รับแรงกดดันจากปัจจัยต่างประเทศ เช่น ตัวเลขการว่างงานสหรัฐฯ ต่ำกว่าคาด หนุนเฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ + กระแสข่าวว่าจีนอาจกลับมาล็อกดาวน์เมืองเซี่ยงไฮ้อีกครั้ง ส่งผลให้ฟันด์โฟลว์ยังคงอยู่ในฝั่งขายสุทธิต่อเนื่อง… ขณะที่ในวันนี้ ปัจจัยต่างประเทศยังคงเป็นลบ กล่าวคือ i) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงปรับลงต่อ นำโดยแรงขายหุ้นกลุ่ม technology หลังจากความกังวลต่อเศรษฐกิจโลกถดถอย ยังคงเพิ่มขึ้น ผนวกกับทำเนียบขาวยกระดับการแบนการส่งออกชิปไปยังประเทศจีน ส่งผลให้ปัญหาการขาดแคลนชิปทั่วโลกอาจรุนแรงขึ้น ii) ในฝั่งยุโรป เยอรมันแถลงเมื่อวานนี้ว่าขีปนาวุธที่รัสเซียยิงใส่ยูเครนเมื่อวานนี้ ตกใส่สถานกงสุลเยอรมันในกรุงเคียฟ และน่าจะมีมาตรการตอบโต้จากชาติตะวันตกเพิ่มเติม….. ทั้งนี้ปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ข้างต้น ผนวกกับการที่ IMF กำลังจะออกรายงานปรับลด GDP ของประเทศต่างๆ ในคืนวันนี้ น่าจะทำให้สินทรัพย์เสี่ยงยังถูกกดดันต่อไปในช่วงสั้น…. อย่างไรก็ดี ด้วยแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่ยังคงฟื้นตัวโดดเด่น และแรงกดดันจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยของไทยไม่มากเท่ากับต่างประเทศ ฝ่ายวิจัย ฯ คงมุมมองว่าความเสี่ยงทางลงของ SET Index มีจำกัด ทั้งนี้หากอิงการคำนวณ earnings yield gap analysis (EYG) ด้วยสมมติฐาน EYG เฉลี่ยระยะยาวที่ 4.0% ดอกเบี้ยพันธบัตร 10 ปีของไทย ณ ปัจจุบันที่ 3.1% และ consensus EPS ปี 2566 ที่แถวๆ 110 บาท เรายังมองว่าดัชนีฯ ไม่น่าจะปรับลงไปต่ำกว่าระดับ 1,550 จุด
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน
เก็งกำไร CPALL*, WHA*, PLANB*
- CPALL* (เป้าพื้นฐาน 74 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 55 บาท / แนวต้าน 57 บาท กรณี Break ผ่านแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/- 59 บาท (Stop loss 53 บาท) 2) ประเมินปลดล็อคความกังวลของนักลงทุนเรื่องการลงทุนซื้อหุ้น METRO (ธุรกิจค้าส่งที่อินเดีย) โดยผู้บริหารฯ ยืนยัน MAKRO – CPALL* ไม่เข้าร่วมประมูลซื้อหุ้นบริษัท METRO 3) ฝ่ายวิจัยฯคาดผลการดำเนินงานทั้งธุรกิจร้านสะดวกซื้อ และร้านค้าส่งในไทยฟื้นตัวใน 2H65 โดยเฉพาะใน 4Q65 จากการเปิดประเทศ 4) Valuation ไม่แพง Forward PE ปีหน้าคาดจะลดลงเหลือ 26.5 เท่า (คิดเป็นราว -1 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในอดีต)
- WHA* (เป้าพื้นฐาน 4.4 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 3.46 บาท / แนวต้าน 3.6 – 3.66 บาท กรณี Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/- 3.8 บาท (Stop loss 3.4 บาท) 2) ประเมิน Sentiment บวกจากการที่ภาครัฐฯ – ภาคเอกชนเตรียมใช้การประชุม APEC เรียกความเชื่อมั่นและดึงการลงทุนเข้าโครงการ EEC 3) คาดยอดโอนที่ดินนิคมฯ 2H65 โต HoH โดยยอดโอนที่ดินนิคมฯใน 1H65 เท่ากับ 415 ไร่ และฝ่ายวิจัยฯ คาดยอดโอนทั้งปีที่ 900 ไร่ ขณะที่มี Backlog ณ สิน 1H65 เท่ากับ 650 ไร่ (มีโอกาสกำไรปีนี้ดีกว่าคาด) 4) Forward PE ปีนี้เท่ากับ 15.8 เท่า (คิดเป็นราว -1 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในอดีต) และคาด Forward PE ปี 2566 จะลดลงเหลือ 13.4 เท่า
- PLANB* (เป้าพื้นฐาน 8.8 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 6.9 บาท / แนวต้าน 7.25 – 7.55 บาท (Stop loss 6.8 บาท) 2) ฝ่ายวิจัยฯคาดกำไร 3Q65 Turnaround เป็นกำไร +165 ล้านบาท และเราคาดผลการดำเนินงานจะฟื้นตัวต่อเนื่องใน 4Q65 และปี 2566 จากการเปิดประเทศ และการเตรียมเลือกตั้งฯ ปีหน้า จะหนุนยอดการใช้จ่ายงบโฆษณา และรวมถึงการกลับมาจัดงาน Event ต่างๆ 3) Forward PE ปีหน้า +/- 33 เท่า (คิดเป็นราว 1 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในอดีต)
หุ้นมีข่าว
(-) “ออมสิน” ลุยตลาดนอนแบงก์ปีหน้า (กรุงเทพธุรกิจ) “ธนาคารออมสิน” เตรียมยื่นขอไลเซนส์ธุรกิจ “นอนแบงก์” หวังปล่อยสินเชื่อพี่โลนผ่าน “แอปพลิเคชันมายโม” ภายในครึ่งหลังปี 2566 คิดดอกเบี้ยต่ำกว่า ตลาด 5% หวังช่วยกลุ่มลูกค้ารายย่อย
(+) MAKRO ปัดเอี่ยวดีลใหญ่ ซื้อเมโทรอินเดีย 3.7 หมื่นล. ควง CPALL ดีดรับแรง! ปลดล็อกกังวลก่อหนี้ก้อนโต (ข่าวหุ้น) MAKRO ราคาพุ่ง 7.58% หลังแจ้งในการประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ (10 ต.ค.) ยืนยันไม่เข้าร่วมประมูลซื้อ Metro อินเดีย มูลค่า 3.7 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้คลายความกังวลก่อหนี้ ฟาก CPALL* ราคาพุ่ง 3.72% คาดซีพีอาจจะใช้บริษัทในเครือที่อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์ฯ เข้าซื้อธุรกิจค้าปลีกค้าส่งในอินเดียแทน
(0) กสทช.รับ ’12 ต.ค. ดีล TRUE* – DTAC* ไม่จบ อ้างพบ “ข้อมูลใหม่” ต้องศึกษาเพิ่ม (กรุงเทพธุรกิจ) บอร์ดกสทช. 2 ใน 5 คนยอมรับดีลควบรวมทรู-ดีแทคไม่จบวันที่ 12 ต.ค.นี้ ระบุมีกรณีศึกษาของต่างประเทศที่น่าสนใจเข้ามาใหม่ จำเป็นต้องนำมาศึกษาเพิ่ม ยอมรับหาก “เอกชน” ไม่พอใจที่ดีลลากยาวก็ต้องทำใจ เพราะเป็นเรื่องใหญ่ ต้องพิจารณารอบคอบ กระทบวงกว้าง วงในเผยบอร์ดไม่ประชุมมา 3 สัปดาห์แล้ว เป็นไปได้ยากที่จะลงมติ โดยเฉพาะ “สรณ” เพิ่งบินกลับมาจากต่างประเทศ
(0) STARK กองทุนแห่ซื้อ PP เชื่อมั่นสายไฟยานยนต์ (ทันหุ้น) STARK เปิดชื่อจัดสรร PP จำนวน 1,500 ล้านหุ้นให้นักลงทุน 12 ราย พบสถาบันแห่ซื้อหุ้นเพียบ ทั้งกองทุนไทย-เทศ-ประกัน ด้านบิ๊ก “ชนินทร์” ปลื้มกระแสตอบรับ ชูเห็นอนาคตนำเงินลงทุนต่อยอดซื้อธุรกิจขึ้นเป็นยักษ์สายไฟรถยนต์ รับโอกาสเติบโต อีวีสูง ส่วนปีหน้ารายได้ทะยาน 8 หมื่นล้านบาท
(+) WHA* ขายสินทรัพย์ เข้ากองทรัสต์ดันยีลด์เพิ่ม (กรุงเทพธุรกิจ) “กลุ่มดับบลิวเอชเอ” ลุยส่งมอบ เปิดตัวคลังสินค้าใหม่ เฉียด 5 แสนตร.ม. ขณะที่ “กองทรัสต์ WHART” เพิ่มทุนเข้าซื้อทรัพย์สิน 5 โครงการ 4.05 พันล้าน ดันขนาดกองแตะ 5.19 หมื่นล้าน เล็งเสนอขาย พ.ย.นี้ ซูยิลด์เพิ่มและ 0.80 บาท ต่อหน่วย
หุ้นที่เคยแนะนำก่อนหน้า
- BAFS (เป้าพื้นฐาน 36.5 บาท) แนวรับ 30.5 บาท / แนวต้าน 31.75 – 32.5 บาท ผ่านได้แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 30 บาท)
- AMA (เป้าพื้นฐาน 7.6 บาท) แนวรับ 5.6 บาท / แนวต้าน 5.9 – 6.1 บาท (Trailing stop 5.4 บาท)
- NEX (เป้า Consensus 23.5 บาท) แนวรับ 18.9 บาท / แนวต้าน 19.5 บาท ผ่านได้แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 18.5 บาท)
- ILM (เป้า Consensus 22.4 บาท) แนวรับ 16.3 บาท / แนวต้าน 17.0 – 17.3 บาท (Stop loss 16.2 บาท)
- GULF* (เป้าพื้นฐาน 60 บาท) แนวรับ 49 บาท / แนวต้าน 50.5 – 51 บาท (Stop loss 49 บาท)
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
- PTG* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 21 บาท ฝ่ายวิจัยฯคาดกำไร 3Q65 = 308 ล้านบาท (+389% YoY, -49% QoQ) กำไรที่คาดจะดีขึ้นมาก YoY มาจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นมากหลังการเปิดประเทศ อย่างไรก็ดี คาดกำไรลดลง QoQ เพราะปริมาณขายที่ชะลอตัวลง เนื่องจากเป็น low season แต่คาดจะกลับมาฟื้นตัวเด่นใน 4Q65 ฝ่ายวิจัยฯปรับประมาณการฯ ขึ้น สะท้อนการปรับสมมติฐานปี 2566 ขึ้น และปรับราคาเป้าหมยขึ้นเป็น 21 บาท (เดิม 19.5 บาท) … คาดการเตรียม IPO บ.ลูก 2 แห่งในปีหน้า จะเป็น Catalyst บวกต่อราคาหุ้น
- SUN แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 5.5 บาท ฝ่ายวิจัยฯคาดกำไร 3Q65 = 3 ล้านบาท (-94% YoY, -88% QoQ) โดยคาดว่าจะมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน และรวมถึงปริมาณการผลิตที่ลดลง อย่างไรก็ดี ฝ่ายวิจัยฯ คาดผลการดำเนินงาน 3Q65 จะเป็นจุดต่ำสุด และจะฟื้นตัวได้ใน 4Q65 และในปี 2566 ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยฯ ปรับลดประมาณการฯ ลง สะท้อนผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนและต้นทุนการผลิตข้าวโพดหวานที่เพิ่มขึ้น ปรับลดราคาเป้าหมายลงเป็น 5.5 บาท (เดิม 6.2 บาท) ยังคงคําแนะนํา “ซื้อ”