บล.บัวหลวง:

Refining & Chemical – ค่าการกลั่นขยายตัว แต่ส่วนต่างราคาปิโตรเคมีส่วนใหญ่ปรับตัวลง (NEUTRAL)

ค่าการกลั่นปรับตัวขึ้นต่อเนื่องในสัปดาห์ที่ผ่านมา หนุนโดยส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ middle distillate ในขณะที่ส่วนต่างราคาปิโตรเคมีอ่อนตัวลงเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งถูกกดดันโดยอุปสงค์ในภูมิภาคที่ชะลอตัว และต้นทุนวัตถุดิบแนฟทาที่ปรับตัวสูงขึ้น ทั้งนี้เรายังคงชอบ IVL มากที่สุด

การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งอาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อการฟื้นตัวของอุปสงค์ และโควต้าการส่งออกผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปของประเทศจีนซึ่งจะเพิ่มอุปทานในตลาด เป็นปัจจัยที่น่าจับตามอง เนื่องจากอาจกดดันค่าการกลั่นให้ปรับตัวลดลง ในทางกลับกัน เนื่องจากปัจจุบันเป็นช่วงพีคซีซั่นของพายุเฮอริเคน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของโรงกลั่น นอกจากนี้ ฤดูกาลปิดซ่อมบำารุงโรงกลั่นในฤดูใบไม้ร่วงได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ปัจจัยเหล่านี้อาจส่งผลให้อุปทานตึงตัวและหนุนค่าการกลั่นให้ปรับตัวดีขึ้น

ทั้งนี้เรายังคงชอบ IVL มากที่สุด เนื่องจากแนวโน้มการเติบโตแข็งแกร่งของ กําไรหลักปี 2022 รวมทั้งมีอัพไซต์ต่อแนวโน้มการเติบโตระยะยาวจากการลงทุน และ/หรือ การเข้าซื้อกิจการใหม่

ค่าการกลั่นขยายตัวต่อเนื่อง WoW

ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง 0.92 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 2.42 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล  หนุนโดยส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ middle distillate กิจกรรมการเดินทางทางอากาศที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก, อุปสงค์จากฝั่งยุโรปที่เพิ่มขึ้น, และอุปทานที่ตึงตัวจากการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นในเอเชีย ส่งผลให้ส่วนต่างราคาน้ำมันเครื่องบินและส่วนต่างราคาดีเซลปรับตัวขึ้น 3.64 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 28.56 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และ 9.10 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 40.94 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ตามลำดับ

ในทางตรงกันข้าม อุปสงค์ในเอเชียที่ชะลอตัว, การส่งออกที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากประเทศจีน, และสต็อกในสิงคโปร์ที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้ส่วนต่างราคาก๊าซโซลีนให้ปรับตัวลง 2.66 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 2.49 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล (ส่งผลกระทบเชิงลบต่อ SPRC มากที่สุด) นอกจากนี้ต้นทุนน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และอุปทานที่มีจํานวนมาก ส่งผลให้ส่วนต่างราคาน้ำมันเตาที่มีส่วนผสมของกำมะถันในระดับสูงปรับตัวลง 4.15 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ -28.41 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล (แย่กว่าระดับปกติในช่วงก่อน IMO2020 ที่ติดลบ -4-5 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลค่อนข้างมาก)

ส่วนต่างราคาเอธิลีนและส่วนต่างราคาโพรพิลีนปรับตัวลง WoW

แรงซื้อในเอเชียที่ชะลอตัว ส่งผลให้ราคาเอธิลีนปรับตัวลง 20 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 835 เหรียญสหรัฐ/ตัน ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ในขณะที่อุปสงค์ในภูมิภาคที่ทรงตัวส่งผลให้ราคาโพรพิลีนทรงตัว WoW อยู่ที่ 870 เหรียญ สหรัฐ/ตัน เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบแนฟทาปรับตัวขึ้น 49 เหรียญสหรัฐ WoW ไปอยู่ที่ 662 เหรียญสหรัฐ/ตัน ส่วนต่างราคาเอธิลีนจึงปรับตัวลง 69 เหรียญ สหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 173 เหรียญสหรัฐ/ตัน (ส่งผลกระทบเชิงลบต่อ PTTGC มากที่สุด) และส่วนต่างราคาโพรพิลีนปรับตัวลง 49 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 208 เหรียญสหรัฐ/ตัน (ส่งผลกระทบเชิงลบต่อ IRPC มากที่สุด)

ส่วนต่างราคา HDPE และ PP ปรับตัวลง WoW

ต้นทุนวัตถุดิบแนฟทาที่เพิ่มขึ้น และอุปสงค์ในภูมิภาคที่ทรงตัว หนุนให้ราคา HDPE ทรงตัว WoW อยู่ที่ 1,050 เหรียญสหรัฐ/ตัน ในขณะที่แรงซื้อในเอเชียที่ชะลอตัวส่งผลให้ราคา PP ปรับตัวลง 30 เหรียสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 1,040 เหรียญสหรัฐ/ตัน ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบแนฟทาปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ส่วนต่างราคา HDPE เทียบกับแนฟทาปรับตัวลง 49 เหรียญสหรัฐ WoW ไปอยู่ที่ 388 เหรียญสหรัฐ/ตัน (ส่งผลกระทบเชิงลบต่อ PTTGC มากที่สุด) และส่วนต่างราคา PP ปรับตัวลง 79 เหรียญสหรัฐ WoW ไปอยู่ ที่ 378 เหรียญสหรัฐ/ตัน (ส่งผลกระทบเชิงลบต่อ IRPC มากที่สุด)

ส่วนต่างราคา MEG และส่วนต่างราคา PVC ปรับตัวขึ้น WoW

อุปสงค์ในภูมิภาคที่ปรับตัวดีขึ้น และราคาวัตถุดิบร่วม PTA ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น หนุนให้ราคา MEG ทรงตัว WoW อยู่ที่ 510 เหรียญสหรัฐ/ตัน ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากต้นทุนเอธิลีนปรับตัวลดลง ส่งผลให้ส่วนต่างราคา MEG ปรับตัวขึ้น 13 เหรียญสหรัฐ WoW ไปอยู่ในแดนลบที่ -16 เหรียญสหรัฐ/ตัน (ส่งผลกระทบ เชิงบวกต่อ PTTGC มากที่สุด) ในขณะที่แรงซื้อในภูมิภาคที่ทรงตัวส่งผลให้ราคา PVC ไม่เปลี่ยนแปลง WoW อยู่ที่ 870 เหรียญสหรัฐ/ตัน เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบเอธิลีนปรับตัวลดลง ส่งผลให้ส่วนต่างราคา PVC ปรับตัวขึ้น 10 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 453 เหรียญสหรัฐ/ตัน (ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อ PTTGC มาก ที่สุด)

คาดค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น YoY และ QoQ ในไตรมาส 4/65

อุปสงค์ในวงกว้างสำหรับน้ำมันสำเร็จรูปมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น YoY ต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 4/65 นอกจากนี้ อุปสงค์น้ำมันดีเซลและน้ำมันเตาที่มีส่วนผสมของกำมะถันในระดับสูง คาดว่าจะเพิ่มขึ้น QoQ ในไตรมาส 4/65 หนุนโดยอุปสงค์ตามฤดูกาลที่สูง และอุปสงค์การเปลี่ยนการใช้ก๊าซเป็นน้ำมัน นอกจากนี้อุปสงค์นํ้ามันเครื่องบินทั่วโลกคาดว่าจะเพิ่มขึ้น QoQ ในช่วงเวลาเดียวกัน สอดคล้องกับการผ่อนคลายข้อจํากัดการเดินทาง จากมุมมองด้านอุปทาน การปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นในฤดูใบไม้ร่วง, อุปทานที่ลดลงจากรัสเซีย, และสต็อกน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำจะเป็นปัจจัยที่จำกัดอุปทาน ต้นทุนน้ำมันดิบ (พรีเมี่ยมของน้ำมันดิบ) มีแนวโน้มที่จะลดลง QoQ ในไตรมาส 4/65 ตามทิศทางของราคาน้ำมันดิบ ดังนั้นเราจึงคาดว่าค่าการกลั่นจะขยายตัว YoY และ QoQ ในไตรมาส 4/65

หากการเริ่มดำเนินงานเชิงพาณิชย์ของโรงกลั่นใหม่ไม่เป็นไปตามแผน หรือมีการหยุดโรงกลั่นโดยไม่ได้วางแผนล่วงหน้า (สาเหตุจากไฟไหม้, สงคราม, ภัยธรรมชาติ เป็นต้น) จะส่งผลให้อุปทานตึงตัว อาจเป็นอัพไซต์ต่อค่าการกลั่น  ในทางกลับกันหากอัตราการติดเชื้อกลับมาเพิ่มสูงขึ้นอุปสงค์ปิโตรเลียมจะถูกกดดันอีกครั้ง ซึ่งอาจจํากัดการฟื้นตัวของค่าการกลั่น

ส่วนต่างราคาปิโตรเคมีส่วนใหญ่มีแนวโน้มปรับตัวลง YoY และทรงตัว QoQ ในไตรมาส 4/65

การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก, การล็อกดาวน์ในประเทศจีน, และช่วงโลว์ซีซัน มีแนวโน้มที่จะกดดันอุปสงค์ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีในไตรมาส 4/65 ให้ชะลอตัวลง นอกจากนี้การเริ่มดำเนินงานเชิงพาณิชย์ของกำลังการผลิตใหม่ และต้นทุนวัตถุดิบที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง จะกดดันส่วนต่างราคาปิโตรเคมีบางประเภทในไตรมาส 4/65 จากแนวโน้มดังกล่าว เราจึงคาดว่าส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีส่วนใหญ่จะอ่อนตัวลง YoY และยังคงทรงตัว (หรืออ่อนตัวเล็กน้อย) QoQ ในไตรมาสดังกล่าว อย่างไรก็ตาม อุปทานที่มีจํากัดซึ่งเป็นผลมาจากนโยบายการควบคุมมลพิษของจีน และ/หรือ ความล่าช้าในการเริ่มดำเนินงานของกำลังการผลิตใหม่ อาจเป็นอัพไซด์ต่อราคาและส่วนต่างราคาปิโตรเคมี

- Advertisement -