บล.บัวหลวง: 

Thai Market Strategy – Alpha play ถ้าขาขึ้นของค่าเงินดอลลาร์… ใกล้จบ

ค่าเงินบาทน่าจะเริ่มแข็งค่าขึ้นในครึ่งหลังของไตรมาส 4/65 หลังจากที่อ่อนค่าอย่างมากเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หนุนจากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยว และเฟดอาจเริ่มชะลอการขึ้นดอกเบี้ยในไตรมาส 4/65 หรือไตรมาส 1/66 ทั้งนี้ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นจะหนุนบริษัทที่มีต้นทุนเป็นสกุลเงินต่างชาติ และคาดจะดึงดูดเม็ดเงินการลงทุนเข้ามาสู่หุ้นขนาดใหญ่มากขึ้น

ความเสี่ยงในการอ่อนค่าลงต่อของค่าเงินบาทมีจํากัด

ค่าเงินบาทอ่อนค่ามากที่สุดในรอบ 16 ปี (ลดลง 13% นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน) เนื่องจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นมากและนักท่องเที่ยวที่ยังกลับมาไม่เต็มที่กดดันดุลบัญชีเดินสะพัด อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าความเสี่ยงที่ค่าเงินบาทจะอ่อนตัวลงต่อมีจํากัด เนื่องจากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวในประเทศที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง จํานวนนักเดินทางต่างชาติอยู่ที่ 1.2 ล้านรายในเดือน ส.ค. (เท่ากับ 34% ของจํานวนนักเดินทางต่างชาติในเดือน ส.ค. 2562) อิงจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และการเติบโตน่าจะเร่งตัวขึ้นในช่วงไตรมาส 4/65 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เราคาดดุลบัญชีเดินสะพัดจะขาดดุลสูงสุดในไตรมาส 3/65 ก่อนจะค่อยๆ ฟื้นตัว และ อาจจะกลับไปเกินดุลได้ในปี 2566

ดุลบัญชีเดินสะพัดของประเทศไทยขาดดุลอยู่ที่ 3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเดือน ส.ค. (เทียบกับค่าเฉลี่ย 3 ปีที่เกินดุล 0.7 พันล้านดอลลาร์) เบื้องต้น เราประเมินว่านักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามามากกว่า 3.2 ล้านราย /เดือน (ใกล้ กับช่วงก่อนโควิด) จะหนุนให้ดุลบัญชีเดินสะพัดกลับมาเป็นบวกได้ และอาจจะเร็วกว่านั้นหากราคาน้ำมันปรับตัวลงกว่านี้ เราคาดจะเห็นการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งของดุลบัญชีเดินสะพัด (โดยจำนวนนักท่องเที่ยว 6 แสนรายจะช่วย ลดการขาดดุลได้ถึง 1 พันล้านดอลลาร์) ซึ่งจะตามมาด้วยค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในช่วงปลายไตรมาส 4/65 ถึงไตรมาส 1/66 ทั้งนี้ การขึ้นดอกเบี้ยรอบถัดไปของเฟดน่าจะส่งผลให้ค่าเงินบาท/ดอลลาร์สหรัฐ ขึ้นไปอยู่ที่ 38.50 บาท/ดอลลาร์ในไตรมาส 4/65 เราคาดค่าเงินบาทจะเริ่มแข็งค่าขึ้นเมื่อการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟดชะลอตัว

ดอลลาร์ใกล้ถึงทางแยก

เฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรงเพื่อต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งหนุนให้ค่าเงินสหรัฐแข็งค่าขึ้นมาก อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐได้ผ่านจุดพีคไปแล้วในไตรมาส 2/65 และจะเริ่มคลี่คลายลงในไตรมาส 3/65 ซึ่ง อัตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงจะทำให้เฟดผ่อนการขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งหนุนอัพไซด์ของบอนด์ยีลด์และดัชนีดอลลาร์ ดอกเบี้ยในปัจจุบันอยู่ที่ 3.25% ซึ่งเราคาดจะขึ้นไปอยู่ที่ 4.5% ในไตรมาส 4/65 และน่าจะไปพีคที่ 4.75% ในปี 2566 ตลาดคาดว่าเฟดน่าจะผ่อนคันเร่งลงในไตรมาส 4/65 หรือไตรมาส 1/66 ซึ่งจะทําให้ค่าเงินดอลลาร์เริ่มอ่อนค่าลงบ้าง ทั้งนี้เศรษฐกิจไทยน่าจะเติบโตได้ดีในครึ่งหลังของปี 2565 ซึ่งเราคาดจะหนุนต่อค่าเงินบาท โดยค่าเงินบาทที่ แข็งค่าขึ้นจะเปิดโอกาสในการซื้อขายในตลาดหุ้นไทย โอกาสในการสะสมหุ้นไทย ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นจะส่งผลบวกต่อ 1) กลุ่มที่มีต้นทุนเป็นสกุลเงินต่างชาติ ได้แก่ กลุ่มโรงไฟฟ้า (หนี้ส่วนใหญ่เป็นสกุลเงินต่างชาติ) กลุ่มเกษตร (นำเข้าวัตถุดิบ) กลุ่มสายการบิน (ต้นทุนเชื้อเพลิง) และ 2) หุ้นใหญ่ที่มีการเติบโตที่แข็งแกร่งและมีแนวโน้มที่จะเป็นที่จับตามองของนักลงทุนต่างชาติ เช่น กลุ่มห้างสรรพสินค้า และร้านอาหาร (การฟื้นตัวของอุปสงค์) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม (ยอดจองและยอดโอนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง) กลุ่มขนส่ง (การฟื้นตัวของจำนวนการเดินทาง) กลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว (ยกเลิกข้อจำกัดการ เดินทาง) และกลุ่มธนาคาร (ดอกเบี้ยขาขึ้น)

- Advertisement -