สรุปภาวะตลาด

วันอังคารที่ผ่านมา ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดช่วงการซื้อ-ขาย นักลงทุนกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ จากการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยนักลงทุนติดตามดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน ก.ย. ของสหรัฐในวันที่ 13 ต.ค. ประกอบกับค่าเงินบาทที่อ่อนค่าต่อเนื่อง ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,562.68 จุด -7.89 จุด -0.50% มูลค่าการซื้อขาย 51,877 ลบ. ต่างชาติ -363.98 ลบ. TFEX -10,991 สัญญา ตราสารหน้ี -4,063.02 ลบ.

ปัจจัยบวก+

+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 36.31 จุด หรือ +0.12% ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนลบ ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน ได้รับแรงกดดันจากการที่ IMF ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลก และ BoE ส่ง สัญญาณยุติการพยุงตลาดพันธบัตร

+ สายการบินต่างๆ เริ่มกลับมาเปิดบริการเที่ยวบินอีกครั้งในเดือนนี้ หลังจากที่ต้องยกเลิกไปในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยในสัปดาห์ที่แล้ว โดยสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์และสกู๊ตประกาศเพิ่มเที่ยวบินหลายสิบเที่ยว เพื่อเดินทางไปยังเมืองต่างๆ ทั่วเอเชีย

+ รัฐบาลเวียดนามระบุว่า เศรษฐกิจเวียดนามมีแนวโน้มขยายตัว 8% ในปีนี้ ซึ่งสูงเหนือเป้าหมายอย่างเป็นทางการที่การขยายตัว 6.0% – 6.5%

+ รัฐบาลเตรียมใช้งบกลางฯ 23,000 ล้านบาท เยียวยาฟื้นฟูหลังน้ำท่วม 6,000 ล้านบาท และอีก 17,000 ล้าน บาท กระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปี

+ ททท. มั่นใจว่าตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง  และอเมริกาปี 65 จะสร้างรายได้ตามเป้าหมายที่ 3 แสน ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 30% ของรายได้จากตลาดต่างประเทศในปีนี้ โดยมีเป้าหมายรวม 1 ล้านล้านบาท ส่วนอีก 70% จะเป็นรายได้ที่มาจากตลาดระยะใกล้ที่มันใจได้ว่าจะดำเนินการได้ตามเป้าหมายเช่นกัน

ปัจจัยลบ –

– สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 1.78 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 89.35 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าความต้องการใช้น้ำมันในตลาดโลกจะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย และสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศจีน

– IMF ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2566 สู่ระดับ 2.7% จากเดิมที่ระดับ 2.9% โดย ระบุว่าปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก ได้แก่ การที่รัสเซียส่งกำลังทหารโจมตียูเครน วิกฤตค่าครองชีพ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน

– G7 ออกแถลงการณ์ประณามรัสเซียที่ได้ยิงขีปนาวุธถล่มเป้าหมายพลเรือนในยูเครน จนทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจํานวนมาก

– กนง. ชี้แจงว่าการเคลื่อนไหวของเงินเฟ้อทั่วไปที่ออกนอกกรอบเป้าหมาย 1-3% โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 5 ต.ค.65 กระทรวงพาณิชย์ได้เผยแพร่เงินเฟ้อทั่วไป 12 เดือน ตั้งแต่ ต.ค.64-ก.ย.65 อยู่ที่ 5.23% สูงกว่ากรอบเป้าหมาย  เพราะราคาพลังงานและราคาสินค้าโลกปรับตัวสูง มีผลต่อราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศ ก๊าซหุงต้ม และค่าไฟฟ้าปรับตามไปด้วย

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีในวันนี้แกว่งตัวในลักษณะ Sideway ออกข้าง โดยคาดว่าปริมาณการซื้อขายจะเบาบาง เนื่องจากติดวันหยุดยาว ประกอบกับนักลงทุนยังจับตาการเปิดเผยดัชนี CPI เดือนก.ย.ของสหรัฐในวันพฤหัสบดีนี้ คาดกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,555-1570 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

  • หุ้นซ่อมแซมหลังน้ำท่วม : GLOBAL DOHOME HMPRO TOA DPAINT COTTO DCC TASCO
  • ศบค. มีมติยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน : ERW CENTEL VRANDA ASAP SPA
  • ตัวเลขส่งออกเดือน ส.ค. เติบโต : BRR KSL TFG GFPT ASIAN JUBILE
  • หุ้นเด่น IAA : ADVANC AOT BBL KBANK

หุ้นรายงานพิเศษ

ARROW ( “ซื้อ” ราคาเหมาะสมปี 23 เท่ากับ 8.00 บาท) คาด 2H22 อัตรากำไรขั้นต้นฟื้น

  • กำไรสุทธิงวด 1H22 คิดเป็น 38.2% ของประมาณการทั้งปีของเรา เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นที่อ่อนแอกว่าคาด เนื่องจากได้รับผลกระทบจากต้นทุนวัตถุดิบเหล็กปรับตัวสูงขึ้น เราจึงปรับลดอัตรากำไรขั้นต้นปี 22 จาก 22.0% เป็น 21.0% (บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะรักษาอัตรากำไรขั้นต้นปี 22 ให้อยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 20%) ได้ประมาณการกำไรสุทธิใหม่ เท่ากับ 107.7 ล้านบาท (-8.5% จากประมาณการเดิม) โดยยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 23 ที่ 127.3 ล้านบาท +18.2%YoY โดยเราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นในช่วง 2H22-23 จะปรับตัวดีขึ้น เนื่องจาก บริษัทได้มีการเจรจากับลูกค้าบางส่วนเพื่อที่จะยกเลิกคำสั่งซื้อล่วงหน้า เพื่อลดผลกระทบจากต้นทุนวัตถุดิบเหล็กที่ผันผวน ทั้งนี้เรายังคงประมาณการรายได้ปี 22-23 เท่ากับ 1,206.8 ล้านบาท และ 1,303.3 ล้านบาท เติบโต +19.0%YoY และ +8.0%YoY
  • ความเห็น เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยประเมินราคาเหมาะสมถึง PER ที่ 16 เท่า (ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี) ภายใต้สมมติฐานประมาณการปี 23 ได้ราคาเหมาะสมเท่ากับ 8.00 บาท ยังมี Upside จากราคาปัจจุบัน พร้อมคาดหวังอัตราปันผลราว 4-5% ต่อปี

หุ้นมีข่าว

(+) JR (Bloomberg Consensus 8.00 บาท) ก้าวไปอีกขั้น ผนึกยักษ์ก่อสร้าง “โตโย-ไทย” รุกงานระบบอิเล็กตริคัลโปรเจ็กต์กลุ่มพลังงานออยล์แอนด์แก๊ส ชี้เป็นธุรกิจแข่งขันน้อย ได้สเกลงานใหญ่ขึ้น ดันฐานการรับงานชิ้นใหญ่ขึ้น ชู Q4/2565 ฟอร์มเด่น โครงการเรียงคิวอื้อซ่า เตรียมเซ็นสายสีเหลือง- ชมพู มูลค่า 7 พันล้านบาทสิ้นปี พร้อมยื่นงานใหม่ 2 พันล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)

(+) BGRIM (Bloomberg Consensus 44.00 บาท) ประกาศซื้อกิจการเครือยูนีซัน รุกธุรกิจเฮลธ์แคร์ เสริมแกร่งรองรับการขยายธุรกิจต่อไป เพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้น้าในด้านธุรกิจสุขภาพของประเทศไทย ขณะที่มีแผนการลงทุนด้านนวัตกรรม และเทคโนโลยีดิจิทัลเพิ่มเติม สำหรับรองรับและส่งเสริมธุรกิจการดูแลสุขภาพแบบครบวงจรอีกด้วย ด้านโบรกคาดกำไรปกติไตรมาส 3/2565 ที่ราว 150-200 ล้านบาท ฟื้นตัวต่อเนื่อง จากการปรับขึ้นค่า Ft รวมถึงการ COD โรงไฟฟ้า SPP Replacement 1 (ที่มา ทันหุ้น)

(+) NER (Bloomberg consensus 9.65 บาท) คาดยอดขายไตรมาส 4/65 โต โชว์ออเดอร์ลากยาวถึงต้นปีหน้า ล่าสุดเนื้อหอม! ลูกค้ารายใหญ่ในอุตสาหกรรมยางล้อจากอินเดียเตรียมเข้ามาตรวจคุณภาพโรงงานสัปดาห์หน้า มั่นใจผ่านเกณฑ์ได้ลูกค้าเสริมพอร์ต มั่นใจปีนี้รายได้ 2.8 หมื่นล้านบาท ปริมาณขายพุ่ง 4.6-4.8 แสนตันตามแผน ส่วนผลงานไตรมาส 3/65 ส่งซิกโตจากไตรมาสก่อน เล็งประกาศงบ 8 พ.ย.นี้ (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) EGCO (Bloomberg consensus 220.00 บาท) ลั่นปีนี้ยังมีปัจจัยบวกหนุน พร้อมลุ้นข่าวดี เตรียมปิดดีล M&A เพิ่มในเร็วๆ นี้ โบรกฯ ฟันธงโรงไฟฟ้าพาจู สร้างกำไรโดดเด่นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่องไปถึงปีหน้า หลังความต้องการใช้ไฟฟ้าเกาหลีใต้พุ่งสูงช่วงปลายปี และสามารถบริหารจัดการต้นทุนก๊าซได้เป็นอย่างดี ดันมาร์จิ้นเพิ่ม (ที่มา ข่าวหุ้น)

ปัจจัยจับตาในประเทศ

  • 12 ต.ค. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยแพร่รายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ฉบับย่อ
    • หอการค้าไทย ร่วมกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค และดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย
    • สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม
  • 12 – 21 ต.ค. หุ้นกลุ่มธนาคารส่งงบการเงินงวด 3Q65
  • 19-21 ต.ค. รมว.คลัง เป็นประธานการประชุมและเจ้าภาพจัดประชุมรมว.คลังเอเปค
  • 25 ต.ค. กระทรวงพาณิชย์แถลงตัวเลขการส่งออก-นําเข้า
  • 26-29 ต.ค. ไทยเป็นเจ้าภาพการประชุมประจำปี รัฐสภาภาคพื้นเอเชียและแปซิฟิก ครั้งที่ 30
  • 27-29 ต.ค. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จัดงาน BOT Digital Finance Conference 2022
  • 28 ต.ค. ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย

ปัจจัยจับตาใต่างประเทศ

  • 12 ต.ค. สหรัฐ รายงานดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ย. คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ(FOMC) (เช้าวันที่ 13 ต.ค.) เปิดเผยรายงานการประชุม วันที่ 20-21 ก.ย.
  • 13 ต.ค. สหรัฐ รายงานจํานวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ย. สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)
  • 14 ต.ค. จีน รายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ย. ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ย.
    • อียู รายงานดุลการค้าเดือนส.ค. สหรัฐ รายงานยอดค้าปลีกเดือนก.ย.
  • 1-2 พ.ย. กำหนดประชุมธนาคารกลางสหรัฐรอบ หน้า
  • 30 พ.ย. กำหนดประชุมกนง.รอบหน้า
- Advertisement -