Our View? “แกว่งรอ”

คาดตลาดวันนี้ “Sideways” มองแนวรับที่บริเวณ 1,560 / 1,545 และแนวต้านที่บริเวณ 1,575 / 1,585 คาดวันนี้ตลาดจะแกว่งตัวรอดู 1.) รายงานการประชุม FOMC เดือน ก.ย. ที่ผ่านมา และ 2.) ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน ก.ย. ในวันที่ 13 ต.ค. คาดจะออกมาที่ระดับ +8.1% YoY และ +0.2% MoM เพื่อประเมินทิศทางเงินเฟ้อ และแนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ย รวมถึงมุมมองของธนาคารกลาง สหรัฐ (FED) ที่มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐในระยะถัดไป โดยปัจจุบัน CME FEDWatch Tools บ่งชี้ตลาดคาดว่า FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ที่ระดับ 0.75% และ 0.25% ในเดือน พ.ย. และ ธ.ค. ตามลำดับ รวมทั้งจะยังคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงเกือบถึงระดับ 5.00% ทั้งปี’66 ขณะที่เมื่อวานนี้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ออกมาปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลกในปี’66 ลงสู่ระดับ 2.7% จากเดิมคาด 2.9% จากความยืดเยื้อของสงครามรัสเซีย-ยูเครน วิกฤตค่าครองชีพ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน อีกทั้งยังปรับลดความการณ์เศรษฐกิจสหรัฐลงสู่ระดับ 1.6% ในปี 65 และ 1.0% ในปี 66 จากผลกระทบของการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED สำหรับเศรษฐกิจไทย IMF คาดจะขยายตัว 2.8% ในปี’65 และ 3.7% ในปี’66 เรามองปัจจัยดังกล่าวยังเป็นปัจจัยจำกัด Upside ของทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงได้อยู่

ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน พ.ย. วกตัวลงต่อปิดที่ระดับ 89.35 ดอลลาร์/บาร์เรล –1.78 ดอลลาร์ หรือ -195% ยังคงได้รับแรงกดดันจากความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยเช่นกัน หลัง IMF ออกมาปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจลง มองเป็นปัจจัยกระตุ้นความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันมีแนวโน้มลดลงเพิ่มเติม คาดจะกดดันทิศทางหุ้นในกลุ่มพลังงานถ่วงตลาดได้บ้าง

ในส่วนของปัจจัยในประเทศคาดการซื้อขายจะเบาบางลงจากการเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาว ทั้งนี้เรายังคงแนะนำให้ระมัดระวังแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ จากทิศทางค่าเงินดอลลาร์ยังคงแข็งค่าต่อเนื่อง ส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าอยู่ในระดับสูง ลดทอนความน่าสนใจของตลาดหุ้นไทยในแง่กระแสเงินทุนไหลเข้า คาดจะกดดันหุ้นในกลุ่ม Big Cap. ได้อยู่ อีกทั้งเรามีความกังวลอ่อนๆ ต่อปัญหาอุทกภัยในหลายพื้นที่ของประเทศ โดยล่าสุดได้รับผลกระทบรวมกว่า 52 จังหวัด โดยเป็นจังหวัดที่ประสบอุทกภัย 37 จังหวัด โดยปริมาณน้ำฝนสะสมในปี’65 ใกล้เคียงกับช่วงปี’64 คาดจะเป็นจิตวิทยาเชิงลบกดดันความเชื่อมั่นในแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส 4 ได้บ้าง แต่มองเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นในกลุ่มค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง (HMPRO, GLOBAL และ DOHOME) รวมถึง TASCO อย่างไรก็ตาม เรายังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในช่วง 4Q′65 เป็นต้นไปจะเห็นภาพการฟื้นตัวที่ชัดเจนมากขึ้นจากแรงขับของภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภายในประเทศ

โดยเราคาดว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวทั้งปี’ 65 อาจปรับตัวขึ้นมากกว่าระดับ 10 ล้านคน คาดจะหนุนทิศทางหุ้นในกลุ่ม Re-Opening Play ปรับตัวขึ้นได้ต่อ (CPALL, MAKRO, MAJOR, PLANB, BJC, MINT, SHR และ VRANDA) อีกทั้งเรามองมีมุมมองเชิงบวกต่อฉากที่ MAKRO เปิดเผยว่าจะไม่เข้าร่วมประมูล METRO ในอินเดีย คาดจะช่วยผ่อนคลาย Overhang ของตลาดในช่วงก่อนหน้า เป็นปัจจัยบอกต่อทิศทางราคา MAKRO และ CPALL เพิ่มเติม

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนําวันนี้ “CPALL”

กลยุทธ์ ทยอยซื้อสะสม แนวรับ 54.75 / 53.75 Target 59.00 / 64.00 Stop <53.00

- Advertisement -