ตลาดจะเริ่มไปให้น้ำหนักกับการประกาศผลประกอบการ

Market Update

ตลาดหุ้น Dow Jones คืนวันศุกร์พลิกกลับมาปรับตัวลง 1.3% หลักๆ นักลงทุนยังคงกังวลกับประเด็นเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่ยังอยู่ระดับสูง และหนุนให้ FED ยังมีท่าทีปรับขึ้นดอกเบี้ยสูง ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT พลิกกลับมาลดลง 3.1% ถูกกดดันจากการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และอุปสงค์ที่อ่อนแอจากเศรษฐกิจ

Market Outlook

สำหรับประเด็นเงินเฟ้อสหรัฐฯในเชิงของเงินเฟ้อพื้นฐานขยายตัว 8.2%YoY 0.4%MoM สูงกว่าตลาดคาดไว้ที่ 8.1%YoY 0.2%MoM ด้านใส้ในพบว่าแม้ราคาสินค้าที่เกี่ยวข้องกับพลังงานจะปรับลดลง โดยราคาน้ำมันเบนซินในสหรัฐฯ ปรับลดลง 4.9%MoM น้ำมันเตา -2.7%MoM อย่างไรก็ตาม ที่ปรับเพิ่มขึ้นคือราคาอาหาร +0.8%MoM ราคาอาหารนำกลับไปทานที่บ้าน +0.9%MoM ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐานขยายตัว +6.6%YoY +0.6%MoM หลักๆ เป็นผลจากราคารถยนต์ +0.7%MoM ราคาสินและบริการเกี่ยวข้องกับที่พักอาศัย (+0.7%MoM) ค่าขนส่ง (+1.9%MoM) ค่ารักษาพยาบาล (+1%MoM) ทั้งนี้หากพิจารณาราคาสินค้าและบริการต่างๆ พบว่าการส่งผ่านต้นทุนต่างๆ ค่อยๆ ที่จะกระจายออกไป สะท้อนผ่านแม้ราคาน้ำมันดิบเริ่มปรับลดลงแต่พบว่าราคาสินค้าชนิดอื่นๆ ในสหรัฐยังคงปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะเงินเฟ้อพื้นฐานที่ปรับขึ้นต่อเนื่อง 2 เดือนติดต่อ ภายหลังจากรายงานเงินเฟ้อข้อมูลจาก CME Fed Watch ระบุว่า ให้น้ำหนักขึ้นดอกเบี้ย 0.75% สูงถึง 97.2% ปรับเพิ่มขึ้นจากก่อนหน้ารายงานเงินเฟ้อที่ 76% และการประชุมเดือน ธ.ค. น้ำหนักส่วนมากก็ปรับขึ้นไปที่ 0.75% จากเดิมน้ำหนักส่วนมากอยู่ที่ 0.50% ดังนั้นการ ฟื้นตัวในวันพฤหัสบดีของ Dow Jones หลังรายงานเงินเฟ้อเรามองเป็นเพียงระยะสั้นเท่านั้น ขณะที่อีกหลายๆ สัญญาณยังบ่งชี้ว่าตลาดยังกังวลกับดอกเบี้ยและเงินเฟ้อ สะท้อนผ่านการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 และ 10 ปี ที่ปรับขึ้นต่อเนื่อง

ส่วนสัปดาห์นี้ประเมินว่าตลาดจะเริ่มไปให้น้ำหนักกับผลประกอบการ 3Q22 สำหรับประเทศไทยจะเริ่มด้วยกลุ่มธนาคารฯ คาดว่าจะเห็นการรายงานทั้งหมดในสัปดาห์นี้ ด้านตัวเลขเศรษฐกิจจะเน้นไปที่ (1) ยอดสร้างบ้านใหม่ในวันพุธ Bloomberg คาดที่ 1.46 ล้านหลังคาเรือน (2) ยอดขายบ้านมือสองในวันพฤหัสบดี Bloomberg คาดที่ 4.69 ล้าน หลังคาเรือน ตัวเลขที่ต่ำกว่าตลาดคาดการณ์มองว่าจะเป็นบวกมากกว่า เพราะส่งผลให้ตลาดคลายกังวล กับเงินเฟ้อ

เชิงกลยุทธ์การลงทุนเชื่อว่าตลาดหุ้นจะเริ่มมี Downside ที่จำกัดมากขึ้น หลัง Price In ประเด็นลบไปพอสมควร จึงมองเก็งกำไรฟื้นตัวได้ แต่เน้นเลือกหุ้นมีปัจจัยบวก อาทิ ธนาคาร (BBL KBANK SCB TISCO) หุ้นได้ประโยชน์น้ำมันลง (SCC SCGP) โรงไฟฟ้า (BGRIM GPSC) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL ERW MINT SPA) ค้าปลีก (BJC CPALL HMPRO) ประเมินกรอบ SET ทั้งสัปดาห์ 1550 – 1580

Pi Stock Picks

CPALL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 72.25 บาท)

แนวโน้มในช่วง 3Q22 คาดว่ารายได้จะเห็นการฟื้นตัวได้ชัดเจน โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับปีก่อนเพราะ 1. รวมงบโลตัสเข้ามา 2.ไม่มีล็อคดาวน์ ส่วนการเทียบกับ 2Q22 อาจจะออกมาแค่ทรงตัวเนื่องจากเป็นช่วงฤดูฝน นอกจากนี้ยังมีปัจจัยบวกจากการไม่เข้าประมูลกิจการ Metro ในอินเดีย

SCGP (ชื้อ / ราคาเป้าหมาย 61.00 บาท)

เล็งเห็นศักยภาพด้านกำไรที่ชัดเจนขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4/22 เป็นต้นไป หนุนจากอัตรากำไรที่ขยายตัวขึ้นด้วยภาพรวมอุปสงค์ที่ดีขึ้น ท่ามกลางการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และแรงกดดันด้านต้นทุนที่ผ่อนคลายลง บวกกับการปรับเพิ่มขึ้นของมูลค่าจากดีล M&P

- Advertisement -