บล.บัวหลวง:

กิจกรรมทางเศรษฐกิจหลังจากเปิดเมืองเปิดประเทศจะหนุนการเติบโตที่แข็งแกร่งของกำไรสุทธิในไตรมาส 3/65 YoY และคาดจะเติบโตแกร่งต่อในไตรมาส 4/65 จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว

การเติบโตของกำไรสุทธิของ SET ในไตรมาส 3/65 คาดจะอยู่ที่ 26% YoY (แต่หดตัว 35% QoQ)

เราคาดบริษัทใน SET จะรายงานกำไรสุทธิรวมที่เติบโต 26% YoY ในไตรมาส 3/65 โดยสําหรับกำไรหลักเราคาดจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดถึง 56% YoY (หดตัว 20% QoQ) ซึ่งกลุ่มที่น่าจะรายงานการเติบโตของกำไรหลักที่มากกว่า 40% ได้แก่ กลุ่มค้าปลีก (การฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของลูกค้า) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม (ยอดโอนที่สูงขึ้น) กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (อุปสงค์ที่แข็งแกร่งสำหรับสินค้าที่เกี่ยวกับ data center) กลุ่มพลังงาน (ปริมาณการขายที่สูงขึ้น ราคาขายเฉลี่ยที่สูงขึ้นและค่าการกลั่นที่ขยายตัวเทียบปีก่อน) และกลุ่มยานยนต์ (การเติบโตของยอดขายที่แข็งแกร่ง)

คาดกำไรสุทธิไตรมาส 4/65 จะขยายตัว 21% YoY

เราประมาณการเบื้องต้นสําหรับกำไรสุทธิไตรมาส 4/65 จะเติบโต 21% YoY และ 38% QoQ โดยคาดกําไรหลักจะเติบโต 31% YoY และ 1% QoQ ปัจจุบัน เราคาด 14 กลุ่มจะรายงานการเติบโต YoY (เทียบกับ 12 กลุ่มในไตรมาส 3/65) นำโดยกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง (ส่วนแบ่งรายได้ที่สูงขึ้น) กลุ่มท่องเที่ยว (การเติบโตของการท่องเที่ยว) กลุ่มสื่อ (เม็ดเงินโฆษณาที่สูงขึ้น) กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (อุปสงค์ที่แข็งแกร่งสำหรับสินค้าที่เกี่ยวกับ data center) กลุ่มบรรจุภัณฑ์ (ปริมาณการขายที่ดีขึ้นและอัตรากำไรที่ขยายตัว)

ตลาดปรับประมาณการกำไรขึ้นต่อนับตั้งแต่ต้นเดือน ต.ค. จนถึงปัจจุบัน

ตลาดปรับประมาณการกำไรของ SET ในปี 2565 ขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ เดือน มี.ค. ซึ่งการปรับขึ้นประมาณการกำไรยังคงต่อเนื่องและครอบคลุมหลายกลุ่มอุตสาหกกรมมากขึ้น ตั้งแต่ต้นเดือน ต.ค. จนถึงปัจจุบัน โดยกลุ่มที่ ถูกปรับประมาณการขึ้น (12 จาก 18 กลุ่ม) สูงกว่าจํานวนกลุ่มที่ถูกปรับลดประมาณการมาก (6 จาก 18 กลุ่ม)

AOT ต่อสัญญาสัมปทานใหม่กับ King Power (คาดรับรู้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น) ซึ่งหนุนต่อความคาดหวังต่อรายได้จากสัมปทานและกำไรสุทธิที่สูงขึ้น หนุนภาพคําไรของกลุ่มขนส่ง ในอีกด้าน การเติบโตของยอดขายรถยนต์เป็นเวลา 8 เดือนติดต่อกันจะหนุนภาพของกำไรของหุ้นกลุ่มยานยนต์ ขณะที่ราคาน้ำมันที่สูงจะยังคงหนุนต่อกลุ่มน้ำมันและก๊าซ แต่ยังคงมีภาพที่ยังไม่ชัดเจนของหลายบริษัทที่ไม่สามารถผลักภาระต้นทุนที่สูงขึ้นไปยังลูกค้าได้ โดยหลักจะเป็นกลุ่มวัสดุก่อสร้างและกลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้าง ทั้งนี้เราคาดกําไรสุทธิต่อหุ้นของ SET จะอยู่ที่ 102 ในปี 2565 และ 109 ในปี 2566 (ตลาดคาดที่ 106.2 และ 111.2 ตามลำดับ)

ความเสี่ยง

1) รายงานตัวเลขเศรษฐกิจและข้อมูลทางการเงินที่ชะลอตัวลง (ทั่วโลกและประเทศไทย) 2) ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงแรง 3) ความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างภูมิภาค (ความกังวลต่อสงครามรัสเซีย-ยูเครน) 4) อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น

- Advertisement -