บล.เคทีบีเอสที :
สปสช.ปรับลดการเบิกค่าตรวจ RT-PCR ลง -35%
News Flash
สปสช. ได้แจ้งการปรับลดการเบิกค่าใช้จ่ายการตรวจคัดกรอง COVID-19 ทั้งแบบ RT-PCR และ Rapid antigen test มีผลตั้งแต่วันที่ 2 ส.ค.21 โดยมีรายละเอียดดังนี้
1) การตรวจแบบ RT-PCR
1.1) ประเภท 2 ยีน ปรับลดลง -35% เป็น 1,500 บาท จากเดิม 2,300 บาท
1.2) ประเภท 3 ยีน ปรับลดลง -26% เป็น 1,700 บาท จากเดิม 2,300 บาท
2) การตรวจแบบ Rapid antigen test
2.1) ตรวจนอกสถานบริการ
– ด้วยเทคนิค Chromatography คงเดิมที่ 450 บาท
– ด้วยเทคนิค FIA คงเดิมที่ 550 บาท
2.2) ตรวจในสถานบริการ
– ด้วยเทคนิค Chromatography ปรับลดลง -25% เป็น 450 บาท จากเดิมที่ 600 บาท
– ด้วยเทคนิค FIA ปรับลดลง -21% เป็น 550 บาท จากเดิมที่ 700 บาท
(ที่มา: สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.))
Implication
รายได้การตรวจ RT-PCR ที่ลดลง จะถูกชดเชยโดยรายได้จาก Hospitel ที่เพิ่มขึ้น เรามีมุมมองเป็นลบเล็กน้อยต่อกลุ่มโรงพยาบาล ปัจจุบัน รพ. ที่มีจำนวนผู้เข้ารับการตรวจคัดกรองเฉลี่ยรายวันสูงสุดเรียงจากมากไปน้อยได้แก่ BCH, BDMS, CHG, THG, EKH ถึงแม้ว่ารายได้จากการตรวจคัดกรองจะลดลงจากการปรับลดอัตราการเบิกจ่ายการคัดกรองลง -35%
แต่เรามองว่ารายได้ 2H21E ของกลุ่มโรงพยาบาลจะถูกขับเคลื่อนด้วยการรักษาผู้ป่วย COVID-19 ทั้งในโรงพยาบาลและ Hospitel เป็นผลจากการเร่งขยายเตียงเพิ่มขึ้นหลังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงกว่าวันละ 17,000 รายต่อวัน ซึ่งจะแตกต่างจาก 1H21E ที่ถูกขับเคลื่อนด้วยการตรวจคัดกรอง COVID-19 (RT-PCR)
ทั้งนี้เราได้ตั้งสมมติฐานเพื่อเปรียบเทียบผลกระทบจากประเด็นดังกล่าวดังนี้ 1) กำหนดราคา Hospitel ที่ 70,000 บาทต่อ 14 วัน (มีอัตราการหมุนเวียนเตียง 2 ครั้งต่อเดือน), 2) กำหนด U-rate hospital 2H21E เฉลี่ยที่ 63% (3Q21E ที่ 85% และ 4Q21E ที่ 43%) และ 3) กำหนด Net profit margin hospital ที่ 16.8% (Fig.1)
แม้ว่า BCH จะได้รับผลกระทบมากที่สุดจากประเด็นดังกล่าว โดยจากการศึกษาของเรา รายได้จากการตรวจคัดกรอง 2H21E หายไปราว -1,080 ล้านบาท และกำไรลดลง -257 ล้านบาท (คาดมีผู้เข้าตรวจคัดกรอง 3Q21E ที่ 900,000 ราย และ 4Q21E ที่ 450,000 ราย) แต่กำไรจาก Hospitel จะเพิ่มขึ้น +1,148 ล้านบาท ซึ่งสามารถชดเชยรายได้จากการตรวจคัดกรองที่ลดลงได้ (โดยเราคาดรายได้จาก Hospitel จะเติบโตมากกว่า 13x จาก 2Q21E เป็นผลจากการขยายเตียง Hospitel ปัจจุบันมีทั้งหมด 12,500 เตียง เพิ่มขึ้นจาก 2Q21E ที่ 4,000 เตียง)
คงน้ำหนักการลงทุนกลุ่ม Healthcare เท่ากับ Overweight โดยเลือก BCH (ซื้อ/เป้า 30.50 บาท) เป็น Top pick
เราประเมินกำไร BCH ปี 2021E ที่ 2.38 พันล้านบาท (+94% YoY) โดยกำไรยังมี upside จาก 1) การขยายเตียงรักษาผู้ป่วย COVID-19 ที่สูงกว่าที่เราคาดไว้ 4x และ 2) รายได้จากวัคซีนทางเลือก Moderna ที่ยังไม่รวมไว้ในประมาณการ