ตลาดหุ้นวานนี้
SET Index ปรับขึ้น 11 จุด (+0.68%) ปิดที่ 1,571 จุด มูลค่าการซื้อขาย 6.7 หมื่นล้านบาท มีแรงซื้อคืนหุ้นกลุ่มค้าปลีก กลุ่มส่งออกอาหาร และดักเก็งกำไรกลุ่มธนาคารก่อนประกาศงบ 3Q22
แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้
ประเมิน SET ปรับตัวขึ้น 1,580 / 1,585 จุด ตามทิศทางตลาดหุ้นรอบบ้านที่ดีดตัวขึ้นตอบรับ US bond yield และเงินดอลล่าร์สหรัฐอ่อนตัวลง รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนโดยคงอัตราดอกเบี้ยที่ 2.75% และอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ตลาด อย่างไรก็ตามความกังวล FED เร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อระดับสูงจะยังเป็นแรงกดดันดัชนี ดังนั้นจึงแนะนำ Selective buy เช่นเดิม
กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy
- KBANK BBL SCB KTB TTB อานิสงส์ดอกเบี้ยขาขึ้น
- AOT CENTEL ERW BA AAV SPA SISB CPN CRC อานิสงส์การเปิดประเทศ
- หุ้นที่คาด 3Q22 เติบโต BDMS BH CPF TU GFPT BANPU EPG BEM BTS WHA
หุ้นแนะนำวันนี้
- BBL (ปิด 139 ซื้อ/เป้า 180 บาท) คาดมีกำไรสุทธิโตเด่นสุดของกลุ่มใน 3Q22 โดยมีกำไรสุทธิประมาณ 8,730 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 25.4%qoq และ 26.4%yoy
- BDMS (ปิด 29.25 ซื้อ/เป้า 34 บาท) กำไรยังเป็นขาขึ้น คาด 3Q22 มีกำไรสุทธิ 2.9 พันล้านบาทเพิ่มขึ้น 9.4%qoq และ เพิ่มขึ้น 16.2%yoy
บทวิเคราะห์วันนี้: Banking sector, OSP, TTW
ประเด็นสำคัญวันนี้
- (+/-) กลุ่มสื่อสารวันนี้จับตาผู้ถือหน่วย JASIF ลงมติขายหน่วยให้กับ ADVANC: มีวาระประชุม คือ 1.1 เห็นชอบให้ JAS ขาย TTTBB และหน่วยลงทุน JASIF 19% ให้ AWN หรือไม่, 1.2 เห็นชอบให้ยกเลิกสัญญาประกันรายได้และลดค่าเช่าโครงข่ายและ วาระ1.3 อนุมัติผ่อนผันหรือแก้ไขข้อตกลงให้เป็นไปตามมติผู้ถือหน่วยหรือไม่ เราประเมินดีลนี้จะสำเร็จจะต้องได้รับอนุมัติทั้งวาระที่ 1.1 และ 1.2 จึงจะเป็นบวกต่อ ADVANC ซึ่งคิดมูลค่าเหมาะสมจากดีลนี้ประมาณ 10 บาทต่อหุ้น
- (+) ดาวโจนส์เพิ่มขึ้นตอบรับผลประกอบการของแบงก์ ออฟ อเมริกาที่ออกมาดีเกินคาด: ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 550.99 จุด (+1.86%) ปิดที่ 30,185.82 จุด จากแรงซื้อหุ้นกลุ่มธนาคารหลังจาก แบงก์ ออฟ อเมริกา ซึ่งเป็นธนาคารใหญ่เป็นอันดับ 2 ของสหรัฐเมื่อพิจารณาจากมูลค่าสินทรัพย์มีกำไรต่อหุ้นใน 3Q22 ที่ 81 เซนต์ต่อหุ้น มากกว่าที่ Consensus คาดไว้ที่ 77 เซนต์ต่อหุ้น
- (+) ตลาดหุ้นยุโรปเพิ่มขึ้นจากข่าวอังกฤษยกเลิกมาตรการปรับลดภาษี: ดัชนีตลาดหุ้นยุโรปปรับขึ้นเฉลี่ย 1 – 1.8% รับข่าวรมว.คลังคนใหม่ของอังกฤษยกเลิกมาตรการปรับลดภาษี 4.5 หมื่นล้านปอนด์ของนายกรัฐมนตรีลิซ ทรัสส์ และเตรียมปรับขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็น 25% เพื่อฟื้นฐานะการคลังของอังกฤษและเรียกความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน