Daily Focus: Selective Play
2023 SET Target: 1760
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัวลงทดสอบแนวรับ 1,556 จุด ช่วงครึ่งเช้า แต่ยังปิดยืนเหนือได้ ทำให้ช่วงบ่ายเริ่มมีแรงซื้อหนุนดัชนี Rebound และปิดบวก 10.62 จุด ณ สิ้นวัน ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่นขึ้นเป็น 6.7 หมื่นลบ. นำโดย CPALL EA DELTA สถาบันในประเทศพลิกมาซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 1.4 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิต่อเนื่องอีก 2.4 พันลบ. (แต่ Short Index Futures บางลงเหลือเพียง 1.4 พัน สัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index ฟื้นตัวระยะสั้นขึ้นทดสอบ 1,580-1,585 จุด ตาม Sentiment บวกจากต่างประเทศ แม้ภาพใหญ่ยังคงไม่มีปัจจัยใหม่ที่ชัดเจนเข้ามากระตุ้นตลาด แต่เริ่มเกิดการ Rebound หลังปรับลงแรงในช่วง 1 เดือนก่อนหน้า ล่าสุดจีน Delay การประกาศ GDP 3Q22 ซึ่งเริ่มทำให้ตลาดกังวลถึงตัวเลขที่น่าจะออกมาแย่ ส่วนโฟกัสของตลาดระยะนี้คาดอยู่ที่การทยอยประกาศผลประกอบการ 3Q22 ของบริษัทจดทะเบียน โดยของไทยสัปดาห์นี้เริ่มที่กลุ่มธนาคาร และตามด้วยคาดการณ์ฝั่ง Real Sector ที่จะออกมามากขึ้น ซึ่งภาพรวมเรามองไม่น่าตื่นเต้นเนื่องจากเป็นฤดูฝน ซึ่งเป็น Low Season อย่างไรก็ตาม เรายังมองบวกทิศทางกำไรกลุ่ม Domestic และ Reopening Play ใน 4Q22 ที่กลับเข้า High Season ของทั้งภาคการท่องเที่ยวและการจับจ่ายใช้สอย รวมถึงปี 2023 ที่เศรษฐกิจยังมีแนวโน้มเร่งตัวสวนทางฝั่งตะวันตกที่มีความเสี่ยงเกิด Recession
กลยุทธ์ : Selective Play // ถือลงทุนหลังสะสมหุ้นเพิ่ม
หุ้นเด่นเดือน ต.ค. : BBL, BDMS, CK, CPALL, TU
หุ้นเด่นวันนี้ : AAV
• แนะนำ “เก็งกำไร” ราคาเป้าหมายจาก FSSIA 3.40 บาท
• ผลการดำเนินงาน 2H22 คาดฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญตามการเปิดประเทศทั้งไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออก คาดสามารถเพิ่มเที่ยวบินต่างประเทศเป็น 50% เทียบกับก่อน COVID-19 ได้ภายในสิ้นปีนี้
• คาดปี 2022 จะขาดทุนเป็นปีสุดท้ายก่อนพลิกกำไรในปี 2023 ที่ 1.2 พันลบ. ตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว Catalyst บวกคือโอกาสที่จีนจะเริ่มเปิดประเทศปีหน้า
• แนวรับ 2.90-2.80 บาท แนวต้าน 3.10 บาท
Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนผสมผสานโดยไหลเข้าภูมิภาคบางๆ US$90 ล้าน เม็ดเงินไหลเข้าเกาหลีใต้และอินโดนีเซียประเทศละ US$155-196 ล้าน แต่ไหลออกจากไต้หวัน US$208 ล้าน และไทย US$62 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดมีโอกาสพลิกไหลเข้าหลังเม็ดเงินกลับเข้าสินทรัพย์เสี่ยงระยะสั้นจากกำไร BoA ที่แข็งแกร่งและ อังกฤษที่ยกเลิกมาตรการปรับลดภาษีก่อนหน้า
ประเด็นสําคัญวันนี้
(+) ILINK เราปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2023 ที่ 11.50 บาท โดยรวมมูลค่างานก่อสร้างสายเคเบิ้ลใต้น้ำไปยังเกาะเต่า 1.7 พันลบ. ซึ่ง กฟภ. ได้ออกหนังสือว่าจ้างแล้ว คาดเซ็นสัญญาเร็วๆ นี้ การรับรู้รายได้คาดว่าจะอยู่ในปีนี้ราว 10% ส่วนที่เหลือในปีหน้า หากอิงอัตรากำไรสุทธิ 8-10% คาดเพิ่มกำไรในปีหน้าให้อีก 15% ส่งผลให้กำไรปี 2023 โตแรง +29% Y-Y ราคาหุ้นที่ปรับลงถึง 11% QTD เป็นการปรับตาม ITEL ลำพัง ธุรกิจจำหน่ายสายสัญญาณของ ILINK ยังมีแนวโน้มที่ดีมาก ราคาหุ้นปัจจุบันคิดเป็น PE เพียง 10.8 เท่าปีนี้และ 8 เท่าปีหน้า ยังคงแนะนำ “ซื้อ”
(0) FSMART คาดกำไร 3Q22 +21% Q-Q, +5% Y-Y หลักๆ มาจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรของตู้เต่าบินเต็มไตรมาสเป็นไตรมาสแรก เราคาดกำไรของตู้เต่าบินจะมีสัดส่วนถึง 26% ของกำไรสุทธิของ FSMART ถ้าไม่มีตู้เต่าบินช่วยหนุน กำไรของธุรกิจหลักน่าจะทำได้เพียงทรงตัว Q-Q และ -20% Y-Y ค่าครองชีพที่สูงและสถานการณ์น้ำท่วมกระทบผู้มีรายได้น้อย ซึ่งเป็นฐานลูกค้าหลักของตู้บุญเติม ธุรกิจหลักน่าจะทยอยฟื้นช้าๆใน 4Q22 และดีขึ้นในปี 2023 เรางคงราคาเป้าหมายปี 2023 ที่ 21 บาท คงคำแนะนำ “ถือ”
(+) NSL คาดกำไร 3Q22 -10% Q-Q, +200% Y-Y แม้รายได้ยังโตน่าประทับใจ แต่ต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้น ทำให้ Margin ชะลอตัว แนวโน้มกำไร 4Q22 จะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นตามฤดูกาล และมีโอกาสทำ New High ตามการฟื้นตัวของ Traffic และการขยายสาขาใหม่ของ 7-11 ส่วนสินค้าใหม่ข้าวแท่งที่เพิ่งเริ่มวางขายใน 7-11 หากผลตอบรับดี คาดจะขยายเข้าใน 7-11 ได้มากขึ้น และเป็น Upside ต่อประมาณการในปีหน้า เราปรับลดกำไรปี 2022 ลงเล็กน้อยเป็น +59% Y-Y และคงปี 2023 ไว้ตามเดิม +19% Y-Y คงราคาเป้าหมายปี 2023 ที่ 26 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(+) ตลาดดาวโจนส์ ปิดที่ 30,185.82 จุด พุ่งขึ้น 550.99 จุด หรือ +1.86% หลังจากแบงก์ ออฟ อเมริกาเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด ช่วยหนุนมุมมองบวกเกี่ยวกับแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มอสังหาริมทรัพย์
(+) ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับบวก ตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐ
(+) ค่าเงินบาท แข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 38.05 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลงเล็กน้อย 15 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 85.46 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน ซึ่งได้รับแรงกดดันเกี่ยวกับเงินเฟ้อและภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย
(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 15.1 ดอลลาร์ หรือ 0.92% ปิดที่ 1,664 ดอลลาร์/ออนซ์ ได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 939.10 / -2.03