บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Eastern Polymer Group คาดกำไรซึ่งตัวดีตามยอดส่งออกฉนวนยางและอะไหล่รถยนต์
Action
BUY (Maintain)
TP upside (downside) 15.50%
Close Aug 2, 2021 Price (THB) 12.30
12M Target (THB) 14.20
Previous Target (THB) –
What’s new?
- คาด EPG จะมีกำไรปกติ 1Q64 (สิ้นงวดเดือน มิ.ย. 2564) จำนวน 410 ลบ. โตเด่น 441.8%YoY และโตต่อ 1.6%QoQ หนุนด้วยยอดส่งออกฉนวนยางกันความร้อนในสหรัฐฯ และญี่ปุ่นท่ีเติบโตดี และยอดขายอะไหล่ยานยนต์ในยุโรป และออสเตรเลียท่ีปรับตัวดีขึ้น บวกกับอัตรากำไรขั้นต้นท่ีฟื้นตัว หลังเห็นผลจากการปรับขึ้นราคาเพื่อชดเชยต้นทุนการผลิตท่ีสูงขึ้น รวมถึงมีผลจาก Economies of Scales ท่ีสูงขึ้น
Our View
- จากเราชอบ EPG จากผลดำเนินงานท่ีฟื้นตัวขึ้น บวกกับเป็นหน่ึงในหุ้นท่ีได้อานิสงค์บวกจากค่าเงินบาทอ่อน ขณะท่ีราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside 15.5% จากมูลค่าพื้นฐานเดิมปี 2564 ท่ี 14.20 บาท (อิง PER ท่ี 26.9x ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี + 1.5 S.D. เพื่อสะท้อนการฟื้นตัวของกำไร) เราจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”
คาดกำไรปกติ 1Q64 ที่ 410 ลบ. โตเด่น 441.8%YoY และโตต่อ 1.6%QoQ
เราคาด EPG จะรายงานกำไรปกติใน 1Q64 (สิ้นงวดเดือน มิ.ย. 2564) จำนวน 410 ลบ. โตเด่น 441.8%YoY จากฐานที่ต่ำใน 1Q63 ที่ได้รับผลกระทบจากการปิดโรงงานชั่วคราวของกลุ่มผู้ผลิตยานยนต์ และคาดโตต่อ 1.6%QoQ หนุนด้วย 1) รายได้จากการขายที่คาดเพิ่มขึ้น 3.6%QoQ หลักๆ มาจากธุรกิจฉนวนยางกันความร้อนที่มียอดส่งออกสูงขึ้น โดยเฉพาะในตลาดสหรัฐฯและญี่ปุ่นที่เริ่มมีการฟื้นตัวของภาคก่อสร้าง และการเข้าไปรุกฐานลูกค้าใหม่ในกลุ่มผู้ผลิตตู้เย็นและห้องทำความเย็น บวกกับยอดขายอะไหล่ยานยนต์ในตลาดยุโรปและออสเตรียที่ยังขยายตัวได้ดีตามยอดขายยานยนต์ที่เพิ่มขึ้นตามความต้องการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ ขณะที่ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติกคาดยังทรงตัวได้ QoQ จากแผนเพิ่มสัดส่วนการขายบรรจุภัณฑ์พลาสติกในกลุ่ม Food Packaging 2) คาดอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นจาก 31.7% ใน 4Q63 เป็น 32.4% หลังเริ่มเห็นผลจากการปรับขึ้นราคาฉนวนยางกันความร้อนได้ทันกับราคาวัตถุดิบและค่าขนส่งสินค้าที่สูงขึ้นได้มากกว่าไตรมาสก่อน ประกอบกับผลจาก Economies of Scales ที่ดีขึ้นตามอัตราการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้น
ช่วงที่เหลือของปีมีแรงหนุนจากธุรกิจฉนวนยางและอะไหล่ยานยนต์
เราคงมุมมองเชิงบวกต่อภาพรวมของผลดำเนินงานในปี 2564 โดย EPG จัดเป็นหุ้นที่มีสัดส่วนพึ่งพาการส่งออกในสัดส่วนที่สูงราว 80% ซึ่งส่วนใหญ่เริ่มมีการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจขึ้นตามลำดับ และปัจจุบันยังไม่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดรอบใหม่ (โรงงานของ EPG อยู่ที่จ. ระยองและยังผลิตสินค้าได้ตามปกติ) ขณะที่ตั้งแต่ 2Q64 จะเริ่มรับรู้กำลังการผลิตของโรงงานใหม่ AEROFLEX USA ที่เน้นเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นช่วยเพิ่มกำลังการผลิตในสหรัฐฯได้อีก 1 เท่าตัว (มีคำสั่งซื้อจากลูกค้ากลุ่มใหม่รองรับแล้วบางส่วน) สำหรับธุรกิจอะไหล่ยานยนต์ถือว่ามีพัฒนาการดีขึ้นชัดเจนหลัง TJM เริ่มรักษาฐานกำไรจากการดำเนินงานได้แล้ว และจะเริ่มเติบโตขึ้นตาม Market Share ที่ขยายตัวขึ้นในตลาดออสเตรเลีย อย่างไรก็ดี ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติกจะยังไม่เด่นในปีนี้เนื่องจากการบริโภคในประเทศค่อนข้างอ่อนแอ ส่งผลให้เราคงคาด EPG จะมีกำไรปกติในปี 2564 (สิ้นปีเดือน มี.ค. 2565) ที่ 1,475 ลบ. โต 32.6%YoY
คงคำแนะนำ“ ซื้อ” เป็นหนึ่งในหุ้นที่ผลดำเนินงานฟื้นเด่นและค่าเงินบาทอ่อน
เราชอบ EPG จากผลดำเนินงานที่ฟื้นตัวขึ้นบวก กับเป็นหนึ่งในหุ้นที่ได้อานิสงค์บวกจากค่าเงินบาทอ่อน ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside 15.5% จากมูลค่าพื้นฐานเดิมปี 2564 ที่ 14.20 บาท (อิง PER ที่ 26.9x ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี + 1.5 S.D. เพื่อสะท้อนการฟื้นตัวของกำไร) เราจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”