บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง: 

SCB X (SCB TB) ก้าวย่างใหม่เพื่อเพิ่ม ROE

ขยายธุรกิจที่มีอัตรากำไรสูงเพื่อหนุน ROE

เราชอบ SCB เนื่องจากมีศักยภาพในการเติบโตในธุรกิจที่มีอัตรากำไรสูง (เช่น สินเชื่อไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ และสินเชื่อดิจิทัล) ซึ่งจะทำให้ ROE เพิ่มขึ้น ผนวกกับการปลดล็อกมูลค่าผ่าน IPO ภายในปี 2568 ในระยะสั้น อัตราดอกเบี้ยที่ปรับสูงขึ้น น่าจะหนุนให้ NIM และ NII เพิ่มขึ้น และชดเชยค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการโอนสินทรัพย์ แนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมาย 140 บาท (FY22E P/BV ปี 65 ที่ 1 เท่า, ROE 10%) ความเสี่ยงที่สำคัญ คือ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและต้นทุนสินเชื่อสูงกว่าที่คาด ขณะที่สินเชื่อธุรกิจที่มีอัตรากำไรสูงเติบโตช้า

กำไร 3Q65 ตามคาด

กำไรสุทธิ 3Q65 อยู่ที่ 1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% YoY เนื่องจาก NII ที่สูงขึ้น และต้นทุนสินเชื่อที่ลดลง สอดคล้องกับประมาณการของเรา สินเชื่อลดลง 1% QoQ โดยได้แรงหนุนจาก NPLs ที่ขายในกลุ่มองค์กร NIM เพิ่มขึ้น 20bp QoQ ที่ 3.39% จากผลตอบแทนเงินกู้ที่ลดลง ขณะที่ Non-NII ลดลง 10% YoY เนื่องจากค่าธรรมเนียมที่ลดลงในธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง และ mark to market กำไรจากการลงทุนในตลาด อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ (CAI) ลดลง 20bp YoY เป็น 42.6% ในไตรมาส 3/65 SCB บันทึกผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นที่ 7.8 พันล้านบาท (ต้นทุนเครดิต 132bp) ลดลง 23% YoY NPL coverage เพิ่มขึ้น 13ppts QoQ เป็น 165% ในขณะที่อัตราส่วน NPL ลดลง 45bps QoQ เป็น 3.89% นำโดย NPLs ที่ขายได้ในไตรมาส 3/65

ตั้งเป้ารายได้และกำไรเติบโตสูง

ในการประชุมนักวิเคราะห์ CEO ตอกย้ำเป้าหมายที่จะเป็นบริษัทที่เน้นการเติบโต ด้วยมูลค่าตลาด 1 ล้านล้านบาท โดย SCB จะจัดสรรเงินทุนเพื่อหนุนการเติบโตของธุรกิจที่มีอัตรากำไรสูง ซึ่งจะนำไปสู่ผลกำไรที่เพิ่มขึ้น และ ROE ที่สูงขึ้น ผบห. ตั้งเป้ารายได้เติบโตเฉลี่ย 10% CAGR ในปี 2565-68 จาก NII ที่สูงขึ้น และรายได้ค่าธรรมเนียมจากการขายประกันผ่านธนาคารและการบริหารความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ผบห. คาดว่ากำไรจะเติบโตมากกว่ารายได้  และตั้งเป้า C/I ที่ 35-39% ภายในปี 2568 จาก 42-44% ในปี 2565 ในมุมมองของเรา รายได้ของ SCB น่าจะเติบโตได้ตามเป้า แต่กำไรยังมีความท้าทาย เนื่องจากความเสี่ยงด้านสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นจากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและภาวะหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง

NIM และค่าใช้จ่ายภาษีมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นใน 4Q65

เราคาดว่า SCB จะบันทึกค่าใช้จ่ายภาษีเพิ่มเติม 1.6 พันล้านบาทในไตรมาส 4/65 (เทียบกับ 1.5 พันล้านบาทใน 3Q65) จากธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลที่โอนจากธนาคารไปยังบริษัทย่อย (Card X) ใน 4Q65 ในแง่บวก NIM น่าจะเติบโต QoQ จากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และสินเชื่อปรับโครงสร้างหนี้ที่มีขนาดเล็กลง สำหรับผลขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นในพอร์ตการลงทุน SCB10x การวิเคราะห์ความอ่อนไหวของเราแสดงให้เห็นว่าทุกๆ 5% ที่ลดลงในมูลค่าพอร์ตการลงทุน SCB10x (465 ล้านเหรียญสหรัฐใน 3Q65) จะทำให้กำไรปี 66 ลดลง 1.6%

- Advertisement -