บล.บัวหลวง:

Bank – การเติบโตของกำไรที่แข็งแกร่งและราคาหุ้นที่ถูกในปี 2565-66 (OVERWEIGHT)

การเติบโตของกำไรที่แข็งแกร่ง และราคาหุ้นที่การเติบโตของสินเชื่อ NIM ที่ขยายตัว และการตั้งสำรองฯ ที่เบาลง จะหนุนกำไรในปีนี้ นอกจากนี้ ธนาคารไทยจะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยอย่างต่อเนื่อง และอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นในปี 2566 ขณะที่มูลค่าหุ้นมีราคาถูก เรายังคงให้น้ำหนักการลงทุนมากกว่าตลาด

กําไรรวมกลุ่มธนาคารที่เราให้คำแนะนำไตรมาส 3/65 สูงกว่าที่เราคาด

8 ธนาคารที่เราให้คำแนะนำรายงานกำไรรวมไตรมาส 3/65 ที่ 52.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 28%YoY และ 3%QoQ ซึ่งสูงกว่าเราคาด 6% และสูงกว่าตลาดคาด 2% KBANK BBL SCB และ TISCO เป็นไปตามที่เราคาด กำไรของ BAY KKP KTB และ TTB สูงกว่าเราคาด โดยหลักมาจาก NIM ที่มากกว่าคาด และการตั้งสำรองฯที่ต่ำกว่าคาด

สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้รวมลดลง 4.7% QoQ

สินเชื่อกลุ่มธนาคารที่เราให้คำแนะนำอยู่ที่ 14.2 ล้านล้านบาท ณ สิ้นเดือน ก.ย 2565 เพิ่มขึ้น 1.0% YoY (และ เพิ่มขึ้น 4.8% QoQ) สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ทั้งหมดของ 8 ธนาคารที่เราให้คำแนะนำอยู่ที่ 5.02 แสนล้านบาท ลดลง 7.2% YoY และ 4.7% QoQ เนื่องจาก KBANK และ SCB จัดการสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (การจําหน่ายและการตัดจําหน่าย) ก่อนการเปิดสินเชื่อใหม่ อัตราส่วนหนี้สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวม ณ สิ้นเดือน ก.ย. ของ KBANK SCB และ TISCO ลดลง QoQ ในทางตรงกันข้าม BBL BAY และ TTB รายงานอัตราส่วนหนี้สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมเพิ่มขึ้น QoQ ขณะที่ KKP และ KTB ทรงตัว QoQ

กําไรรวมกลุ่มธนาคารที่เราให้คำแนะนำไตรมาส 4/65 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 25% YoY (ทรงตัว QoQ)

เราคาดการณ์กำไรรวมไตรมาส 4/65 ที่ 52.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% YoY หนุนโดยการตั้งสำรองฯ ที่เบาลง (เราคาดอัตราการตั้งสำรองเฉลี่ยลดลงจาก 155bps ในไตรมาส 4/64 มาอยู่ที่ 134bps ในไตรมาส 4/65) และการเติบโตของสินเชื่อ (เราคาดการเติบโตของสินเชื่อในไตรมาส 4/65 ที่ 5.4% YoY) KTB และ BBL จะเป็นผู้นำการฟื้นตัวของกำไร จากประมาณการของเรา โดยเพิ่มขึ้น 62% YoY และ 50% ตามลำดับ หนุนโดยการตั้งสํารองฯที่เบาลง (เนื่องจากบริษัทตั้งสํารองฯหนักเมื่อก่อนหน้า) การเติบโตของสินเชื่อที่แข็งแกร่ง (สินเชื่อของ BBL เติบโต 10.8% YoYณ สิ้นเดือน ก.ย.) NIM ที่ขยายตัว (เพิ่มขึ้น 33bps YoY สำหรับ BBL) และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ลดลง ดังนั้นเราคาดการกำาไรรวมปี 2565 ที่ 208.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% YoY หนุนโดยการเติบโตของสินเชื่อ การตั้งสำรองฯ ที่เบาลง และ NIM เฉลี่ยที่ขยายตัวเล็กน้อย

มูลค่าหุ้นที่ถูกและอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ดีในปี 2566

8 ธนาคารที่เราให้คำแนะนำ ซื้อ ขาย ที่ค่าเฉลี่ย PBV ปี 2566 ที่ 0.8 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 1.37 เท่ามาก PER ปี 2566 ของหุ้นที่เราให้คำแนะนำ อยู่ที่ 7.8 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 11.6 เท่า เรามองว่าหุ้นกลุ่มธนาคารมีขอบเขตอัพไซด์ต่อราคาหุ้นในช่วงกรอบ 7-35% ซึ่งหมายความว่า PBV ณ สิ้นปี 2566 อยู่ในช่วง 0.5-1.7 เท่า (ค่าเฉลี่ยระยะยาวคือ 1.37 เท่า) ปัจจัยขับเคลื่อนในปี 2566 ได้แก่ การเติบโตของสินเช่ือรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น และอัตราการตั้งสำรองที่ลดลง และเราคาดว่าอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลจะอยู่ที่ 3.5-8.4% อิงจากราคาหุ้นปัจจุบัน

- Advertisement -