บล.บัวหลวง:

SCG Packaging (SCGP TB/SCGP.BK)

SCGP – กำไรไตรมาส 3/65 เป็นไปตามคาด แนวโน้มแข็งแกร่งขึ้นอีกในไตรมาสหน้า

เป็นไปตามคาด

SCGP รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/65 ที่ 1,837 ล้านบาท เติบโต 3% YoY แต่ลดลง 1% QoQ หากไม่รวมกําไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ 235 ล้านบาท กําไรหลักจะอยู่ที่ 1,603 ล้านบาท เติบโต 15% YoY และ 5% QoQ ซึ่งเป็นไปตามที่เราและตลาดคาด

ประเด็นสําคัญจากผลประกอบการ

ปัจจัยที่หนุนให้กำไรหลักขยายตัวได้แก่ 1) ยอดขายที่สูงขึ้น YoY จากทั้งธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรและสายธุรกิจเยื่อและกระดาษ (อุปสงค์ที่ปรับตัวดีขึ้น, ราคาขายที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น, และการรับรู้รายได้จากสินทรัพย์ที่ซื้อเข้ามา ในช่วงปี 2564), 2) EBITDA margin ของสายธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรที่สูงขึ้น QoQ, 3) EBITDA margin ของสายธุรกิจเยื่อและกระดาษที่เพิ่มขึ้น (ทั้ง YoY และ QoQ), 4) ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ลดลง QoQ โดยมีสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายที่ลดลงมาเหลือ 10.7% จาก 11.1% ในไตรมาส 2/65, และ 5) อัตราภาษีจ่ายที่ต่าลง Q00

EBITDA margin ของสายธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรอยู่ที่ 13% ในไตรมาส 3/65 ทรงตัว YoY แต่ปรับตัวขึ้นจาก 12% ในไตรมาส 2/65 (ต้นทุนวัตถุดิบและค่าขนส่งที่ต่ำลง) ในขณะที่ EBITDA margin ของสายธุรกิจเยื่อและกระดาษอยู่ที่ 19% ในไตรมาส 3/65 ปรับตัวขึ้นจาก 18% ในไตรมาส 3/64 และไตรมาส 2/65 (ราคาเยื่อกระดาษที่สูงขึ้น ขณะที่ค่าขนส่งปรับตัวลง)

แนวโน้ม

สําหรับไตรมาส 4/65 ปริมาณขายของ SCGP มีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้น QoQ หนุนมาจากอุปสงค์ในอาเซียนที่ปรับตัวดีขึ้น ขณะที่ราคา RCP (วัตถุดิบหลัก) และค่าขนส่งมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลงต่อเนื่อง QoQ ในไตรมาส 4/65 ในด้านของราคาขาย อุปสงค์ที่ปรับตัวดีขึ้นและการนำเสนอมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์น่าจะส่งผลให้ราคาขายผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ทรงตัวอยู่ได้ในไตรมาส 4/65 ถึงแม้ว่าต้นทุนจะลดลง อย่างไรก็ตาม ราคากระดาษบรรจุภัณฑ์อาจจะปรับตัวลง QoQ อ้างอิงจากผลกระทบของ lag time เราคาดว่าอัตรากําไรของ SCGP จะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากในไตรมาส 4/65 นอกจากนี้การรับรู้รายได้จากสินทรัพย์ที่เข้าซื้อในระหว่างปี 2564 จะช่วยหนุนกำไรไตรมาส 4/65 ดังนั้นเราคาดกําไรหลักของ SCGP จะเพิ่มขึ้น YoY และ QoQ ในไตรมาส 4/65

สิ่งที่เปลี่ยนแปลง

กําไรสุทธิ 9 เดือนแรกของปี 2565 คิดเป็น 69% ของประมาณการกำไรปี 2565 ของเราที่ 7,739 ล้านบาท ซึ่งเราคงไว้ดังเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง

คําแนะนํา

แนวโน้มไตรมาส 4/65 ที่ดี หนุนโดยอุปสงค์จากกลุ่ม consumer-linked ที่แข็งแกร่ง และอัตรากําไรที่ขยายตัว น่าเป็นปัจจัยจะหนุนราคาหุ้นต่อไป นอกจากนี้อาจมีอัพไซด์ต่อประมาณการกำไรและมูลค่าหุ้นจากการลงทุน และ/หรือ การเข้าซื้อกิจการใหม่ เราจึงคงคําแนะนํา “ชื้อ”

- Advertisement -