บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):

Action TRADING (Re-Initiate)

TP upside (downside) +9.8%

Close Oct 25, 2022 Price (THB) 12.30 

12M Target (THB) 13.50

Previous Target (THB) –

What’s new?

  • ประเมินว่าผลประกอบการของบริษัทผ่านพ้นช่วงที่ถูกกดดันจากปัจจัยด้านต้นทุนแล้ว ตามทิศทางราคาพลังงานที่ชะลอตัว และคาดกำไรจะกลับมาเติบโตในระดับที่ควรจะเป็นได้ตั้งแต่ 3Q65 เป็นต้นไป
  • เราคาดกำไร 3Q65 ที่ 13 ลบ. (+3.7%QoQ, +36.7%YoY) ทรงตัว QoQ ได้แม้ปกติจะเป็นช่วง Low Season จาก GPM ที่จะฟื้นตัวหลังปัจจัยต้นทุนคลี่คลายมากขึ้น

Our view

  • เรามีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการของ DPAINT ที่เป็นหุ้นในกลุ่ม Anti-Commonlity ที่จะได้ประโยชน์จากราคาพลังงานที่คาดจะชะลอลงในปี 2556 และแนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศที่จะฟื้นตัว หนุนกำไรให้คาดเติบเท้าระดับสูงสุดใหม่ได้อีกครั้ง
  • คาดกําไรปกติปี 2565 ที่ 52 ลบ. (-1.9%YoY) และปี 2566 ที่ 87 ลบ. (+68.4%YoY)
  • เราประเมินมูลค่าเหมาะสมสำหรับปี 2566 ที่ 13.50 บาท อิงวิธี DCF กลับมาเริ่มต้นให้คำแนะนำ TRADING

DELTA PAINT ภาพที่เคยดูเทาๆ กลับมาดูมีสีสันขึ้นอีกครั้ง

ผ่านพ้นช่วงมรสุมแล้ว เตรียมวาดลวดลายให้สวยสดใสอีกครั้ง

ใน 1H65 บริษัทสามารถขยายช่องทางจัดจำหน่าย โดยเฉพาะช่องทาง Traditional Trade รวมถึงการเพิ่มจำนวนเครื่องผสมสีตามร้านค้าปลีกเป็น 534 เครื่อง จากปี 2564 ที่ 442 เครื่อง หนุนให้รายได้ 1H65 ของบริษัทมีการเติบโต 11.1%YoY แต่ด้วยผลกระทบของราคาพลังงานที่สูงขึ้นจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ทำให้ราคาต้นทุนวัตถุดิบหลักของบริษัท ซึ่งมีราคาล้อตามกับราคาน้ำมันสูงขึ้นอย่างมีนัยยะ กระทบ GPM ใน 1H65 ให้ลดลงเหลือ 38.1% จาก 1H64 ที่ 43.3% อย่างไรก็ตาม เราประเมินว่าราคาต้นทุนหลักของบริษัทได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และปรับลดลงตามทิศทางราคาพลังงาน รวมถึงบริษัทมีการบริหารจัดการต้นทุนได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และอัตราการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้น ทำให้คาดว่า GPM ของ DPAINT จะฟื้นตัวกลับมาตั้งแต่ 3Q65 เป็นต้นไป

คาดกำไร 3Q65 ทรงตัว QoQ แม้ปกติจะเป็นช่วง Low Season

เราคาดกำไรปกติ 3Q65 ของ DPANT ที่ 13 ลบ. (+3.7%QoQ, +36.7%YoY) เติบโตเด่น YoY จากการเพิ่มช่องทางจัดจำหน่ายและเครื่องผสมสี และอัตราการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้น และกำไรคาดทรงตัว QoQ ได้ แม้ปกติจะเป็นช่วง Low Season เนื่องจากการออกสินค้าใหม่กลุ่ม Construction chemical ตามฤดูกาล อาทิ Roofseal, สารทาป้องกันการรั่วซึม เป็นต้น, รับรู้กำลังการผลิตจากโรงงานใหม่ (เพิ่มกำลังการผลิตราว 50%) ได้เป็นไตรมาสแรก และการรับรู้การปรับขึ้นราคาราว 6-12% ที่มีการปรับไปใน 2Q65 ได้เต็มไตรมาส ประกอบกับอัตรากำไรขั้นต้นที่คาดฟื้นตัวเป็น 40.3% จาก 39.3% ใน 2Q65 จากแนวโน้มราคาต้นทุนหลักที่คลี่คลายมากขึ้น อาทิ ราคาไทเทเนียมไดออกไซด์ (TiO2) ที่ราคาปรับลงกว่า 40% จากระดับสูงสุด และผลของการปรับขึ้นราคาขาย

ปี 2566 ติดปีก กลับมาเติบโตในระดับที่ควรจะเป็น

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อผลประกอบการระยะยาวของ DPAINT แม้คาดกำไรปกติปี 2565 ของ DPAINT จะทรงตัว YoY ที่ 52 ลบ. เนื่องจากผลกระทบด้านต้นทุน อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีความสามารถในการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดอย่างต่อเนื่อง ผ่านการเพิ่มช่องทางจัดจำหน่าย, การออกสินค้าใหม่ และได้งานโครงการเอกชนมากขึ้น หนุนให้รายได้มีการเติบโตในระดับที่สูงกว่าอุตสาหกรรมที่ 5-10% ต่อปี ขณะที่ปี 2566 เราคาดปัจจัยด้านต้นทุนจะคลี่คลายได้มากขึ้นชัดเจน ซึ่งจะหนุนให้อัตรากำไรสุทธิของบริษัทฟื้นกลับมาที่ระดับปกติ และใกล้เคียงระดับของอุตสาหกรรมมากขึ้น ทำให้เราคาดกำไรปกติปี 2566 ของ DPAINT ที่ 87 ลบ. (+68.4%YoY) เป็นระดับสูงสุดใหม่ และคาดกำไรจะเติบโตทำ New High ต่อเนื่องถึงปี 2568 เป็นอย่างน้อย

กลับมาเริ่มต้นให้คำแนะนำ “TRADING” .. หาจังหวะลงทุนในช่วงที่ราคาย่อตัว

เราประเมินมูลค่าพื้นฐานด้วยวิธี DCF (WACC 8.5%, Terminal growth 4%) ได้มูลค่าเหมาะสมปี 2566 ที่ 13.50 บาทต่อหุ้น มี Upside gain 9.8% เริ่มต้นให้คำแนะนำ “TRADING” โดยประมาณการของเรายังมี Upside จากการลงทุนในโรงงานใหม่ที่ใช้ระบบการผลิตที่ทันสมัยมากขึ้น ซึ่งคาดจะแล้วเสร็จในปี 2568 ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และหนุนอัตรากำไรสุทธิของบริษัทได้อย่างมีนัยยะ และโอกาสในการเติบโตผ่านการทำ M&A จากฐานะการเงินของบริษัทที่แข็งแกร่ง

- Advertisement -