บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):

Action TRADING (Maintain)

TP upside (downside) +16.0%

Close Oct 25, 2022 Price (THB) 29.75

12M Target (THB) 34.50

Previous Target (THB) 34.50

What’s new?

  • คาด 3Q65 จะมีกำไรสุทธิ 2.1 พันล้านบาท -60% QoQ จากค่าการกลั่นกลับสู่ระดับปกติ ขาดทุนสต็อก 2.5 พันล้านบาท, ยอดขายปลีกน้ำมันลดลงตามปัจจัยฤดูกาล
  • อย่างไรก็ตาม กำไรจะเติบโต +16% YoY ดีกว่าคู่แข่งที่ขาดทุน เพราะไม่มีปิโตรเคมีกดดัน ไม่มีขาดทุน FX – Hedging, ปริมาณขายไฟฟ้าสูงขึ้นตามปัจจัยฤดูกาล, ราคาขายปิโตรเลียมต้นน้ำเพิ่มขึ้นจากปัญหาอุปทานในยุโรป  และค่าการกลั่น – ค่าการตลาดยังอยู่ระดับสูง

Our view

  • แนวโน้ม 4Q65 คาดกำไรอยู่ในเกณฑ์ดี หนุนด้วยการเข้าสู่ High Season ของยอดขายปลีกน้ำมัน-เชื้อเพลิงชีวภาพ, นโยบายน้ำมันดีเซล B7, แหล่งปิโตรเลียมแห่งใหม่ รวมทั้งลุ้นปัจจัยบวกค่าการกลั่นจากความต้องการใช้ช่วงฤดูหนาว
  • กำไรปกติ 9M65 จะเป็น 92% ของทั้งปี ทำให้ประมาณการปีนี้มี Upside
  • คงราคาเหมาะสม 34.50 บาท กรณีราคาน้ำมันในตลาดไทยมีเสถียรภาพ สามารถเก็งกำไรระยะสั้น เพราะงบ 3Q65 ดีกว่าคู่แข่ง – เงินปันผล 2H ระดับสูง

BANGCHAK CORPORATION 3Q65 ดูดีกว่าคู่แข่ง

ชะลอ QoQ แต่ยังเติบโต YoY และสามารถทำกำไรได้

คาลกำไรสุทธิ 3Q65 อยู่ที่ 2.1 พันล้านบาท ลดลง -60% QoQ จากฐานสูงในไตรมาสก่อน โดยเฉพาะการกลั่น ขณะที่ปริมาณขายน้ำมันลดลง QoQ ตามความต้องการใช้ช่วงฤดูฝน, ขาดทุนสต็อกน้ำมัน 2.5 พันล้านบาท และอัตรากำไรผลิตภัณฑ์ชีวภาพอ่อนแอจากปัจจัยด้านราคา (โดยเฉพาะ B100) อย่างไรก็ตาม คาดผลประกอบการจะสามารถเติบโต +16% YoY ดูดีกว่าโรงกลั่นคู่แข่งที่ส่วนใหญ่จะรายงานขาดทุนสุทธิใน 3Q65 เนื่องจาก 1) บริษัทฯ ไม่ถูกกดดันจากสถานการณ์ตลาดปิโตรเคมีที่อ่อนแอ 2) ไม่มีขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนสูง (เพราะชดเชยด้วยกำไร FX จากธุรกิจไฟฟ้า) 3) กำไร Hedging จากการอ่อนตัวลงของ Crack Spread น้ำมันดีเซล 4) ธุรกิจไฟฟ้าได้ปัจจัยหนุนจากปริมาณขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 320 ล้านหน่วย (+43% QoQ, +9% YoY) จาก Capacity factor ของโรงไฟฟ้า Wind และ Hydro ที่สูงขึ้นตามปัจจัยฤดูกาล 5) ค่าการกลั่นคาดทำได้ US$11/bbl ลดลง -55% QoQ แต่ +258% YoY จาก Diesel Crack Spread ที่มี Yield ราว 52% และประโยชน์จากส่วนต่างราคาน้ำมันดิบ Dated Brent vs Dubai ลดลง 6) ค่าการตลาดคาดทำได้ 0.94 บาท/ลิตร (ทรงตัว QoQ แต่ +29% YoY) 7) ราคาขายธุรกิจทรัพยากรต้นน้ำเพิ่มขึ้นเป็น US$107/bbl (+7% QoQ, +58% YoY) จากราคาก๊าซธรรมชาติในยุโรปสูงขึ้น ล็อกความขัดแย้งรัสเซีย VS ชาติตะวันตก

ช่วงที่เหลือของปียังแข็งแกร่ง

แนวโน้ม 4Q65 แม้ว่าธุรกิจไฟฟ้าจะชะลอลงตามฤดูกาล อย่างไรก็ตาม คาดผลประกอบการยังอยู่ในเกณฑ์ดี เพราะ 1) อัตราผลิตสูง 120-125 kbd รองรับแผนปิดซ่อมบำรุงใหญ่ของโรงกลั่นในประเทศ 2) ค่าการกลั่นประคองตัวในระดับสูง จากต้นทุนน้ำมันต่ำลง และคาดหวังอุปสงค์จาก Gas-to-oil Switching ช่วงปลายปี 3) ปริมาณขายปลีกน้ำมันทำระดับสูงสุดจากการเข้าสู่ High season ของการเดินทาง 4) ธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพฟื้นตัวตามปัจจัยฤดูกาล และการปรับอัตราผสมน้ำมันดีเซลจาก B5 เป็น B7 5) ปริมาณขายธุรกิจทรัพยากรเพิ่มขึ้นจากแหล่งปิโตรเลียมแห่งใหม่ หาก 3Q65 เป็นไปตามคาด กำไรสุทธิ 9M65 จะเท่ากับคาดการณ์ทั้งปี และกำไรปกติจะทำได้ 92% ทำให้ประมาณการกำไรสุทธิปี 2565 ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท มี Upside risk เล็กน้อย

ตัวเลือกการเก็งกำไรระยะสั้นด้วยผลประกอบการ 3Q65 ดีกว่าคู่แข่ง

คงคำแนะนำ TRADING ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2566 ที่ 34.50 บาท กรณีราคาน้ำมันดิบกลับมามีเสถียรภาพ นักลงทุนสามารถเข้าเก็งกำไรได้ มองว่าระยะสั้นหุ้นอาจเคลื่อนไหวได้ดีกว่าคู่แข่ง เนื่องจากทางงบ 3Q65 แข็งแกร่ง เพราะโครงสร้างธุรกิจกระจายตัว ทำให้ผลประกอบการสม่ำเสมอจากธุรกิจไฟฟ้า, สถานีบริการน้ำมัน, ทรัพยากรต้นน้ำ นอกจากนี้ยังไม่มีธุรกิจปิโตรเคมีที่อ่อนแอกดดัน และไม่มีขาดทุนป้องกันความเสี่ยง – FX สูงเหมือนคู่แข่ง  มองข้ามไป 4Q65 ทิศทางกำไรยังอยู่ในเกณฑ์ดี และมีเงินปันผล 2H65 ระดับสูงรออยู่ (คาดรายงานผลประกอบการวันที่ 9 พ.ย.)

 

- Advertisement -