พักตัวระยะสั้นก่อนเดินหน้าขึ้นต่อ

Market Update

ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดทรงตัวบวก 0.01% รับแรงกดดันจากการปรับลงของกลุ่ม Tech อาทิ Microsoft, Alphabet ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 2.3% หลังจากสหรัฐฯเปิดเผยสต็อกน้ำมันเบนซิน ลดลง 1.47 ล้านบาร์เรล สวนทางกับตลาดคาดลดลง 1 ล้านบาร์เรล

Market Outlook

วานนี้กระทรวงพาณิชย์รายงานตัวเลขการส่งออกประจำเดือนกันยายน พบว่ามูลค่าส่งออกขยายตัว 7.8%YOY ดีกว่าตลาดคาดไว้ที่ 4%YoY ด้านนำเข้าขยายตัว 15.6%YoY ต่ำกว่าตลาดคาดไว้ที่ 20%YoY ดุลการค้าติดลบเพียง 853 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สวนทางกับตลาดคาดว่าจะขาดดุลถึง 3.05 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกที่ยังขยายตัวได้ดี ได้แก่ แผงวงจรไฟฟ้า (+6.4%YoY), YTD +12.7%YoY สินค้าเกษตร ไก่สด (แช่เย็น แช่แข็ง และไก่แปรรูป +82.9%YoY YTD +27%YoY) อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป +20%YoY YTD +14%YoY อาหารสัตว์เลี้ยง +13%YoY YTD +22.6%YoY เครื่องดื่ม +26%YoY YTD +1%YoY น้ำตาลทราย +16.3%YoY YTD +141%YoY หุ้นได้ประโยชน์จากไก่สด (CPF GFPT TFG) อาหารทะเลกระป๋อง (TU) อาหารสัตว์ (ASIAN) เครื่องดื่ม (CBG OSP ICHI) พร้อมแนะติดตามเพิ่มเติม ช่วงสิ้นเดือน ต.ค. เกี่ยวกับการรายงานดุลบัญชีเดินสะพัดของ ธปท. หากเห็นดุลเป็นบวกอาจส่งเสริมให้เงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง และหนุน Fund Flow ต่างชาติไหลเข้า

สำหรับ SET INDEX วันนี้ประเมินเคลื่อนไหวในกรอบ 1590 – 1607 ภาพรวมรอดูปัจจัยใหม่ๆ ขณะที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดมาเช้านี้ก็เคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ เพียง -0.13% ขณะที่มีข้อสังเกตุคือวานนี้สหรัฐฯ รายงานยอดขายบ้านมือ 1 ที่ 6.03 แสนหลังคาเรือน ดีกว่าตลาดคาดไว้ที่ 5.79 แสนหลังคาเรือน แต่พบว่า Dollar Index ปรับลงต่อเนื่อง พร้อมกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี สะท้อนถึงตลาดอยู่ในภาวะผ่อนคลายกับดอกเบี้ยของ FED โดย FED จะมีการประชุมอีกครั้งในวันที่ 2 พ.ย. เบื้องต้นตลาดคาดจะเห็นการขึ้นดอกเบี้ย 0.75% แต่เดือน ธ.ค. จะเหลือเพียง 0.5% หากเป็นเช่นนี้ก็เชื่อว่าตลาดหุ้นกำลังอยู่ในจุดค่อยๆ ฟื้นตัว หนุนจากการผ่อนคลายดอกเบี้ย แต่ระยะกลางเรายังกังวลกับภาวะ Recession ที่จะเข้ามากดดันตลาดหุ้น

กลยุทธ์การลงทุนยังแนะเก็งกำไรในรอบการฟื้นตัวได้ เน้นหุ้นขนาดใหญ่ เนื่องจากมีโอกาสเป็นเป้าหมายของ Fund Flow อาทิ สื่อสาร (ADVANC) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL MINT) อสังหา (AP LH SPALI) ค้าปลีก (BJC CRC CPALL HMPRO) ธนาคาร (BBL KBANK SCB TTB)

Pi Stock Picks

MEGA (ชื้อ / ราคาเป้าหมาย 54.00 บาท)

เชื่อว่าราคาหุ้นที่ลดลง 30% จากยอดสูงสะท้อนคาดการณ์ว่าการเติบโตของกำไรปี 2023 จะชะลอตัวลง รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับธุรกิจในเมียนมาไปแล้ว แต่เชื่อว่าพื้นฐานของบริษัทยังแข็งแกร่ง เพราะคาดว่ารายได้ของ MEGA จะโตต่อเนื่องตามอุตสาหกรรมเภสัชภัณฑ์ช่วง 5 ปีหน้า การใช้ยาในกลุ่มตลาดเภสัชภัณฑ์เกิดใหม่ คาดว่าจะโตเฉลี่ยปีละ 2% (2022-26) อิงข้อมูลจาก IQVIA

ADVANC (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 246.00 บาท)

ราคาหุ้นที่ปรับลดลงมา 17% YTD เปิดโอกาสในการเข้าสะสมเพื่อรอรับอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่ 4.2%-4.6% ส่วน JASIF ถึงแม้ดีลไม่สามารถเกิดขึ้นได้ แต่เราไม่คิดว่าบริษัทจะเผชิญกับ downside ที่มีนัยสำคัญอะไร เพราะ 1) ต้นทุนทดแทนการใช้งานใยแก้วนำแสง (OFC) ของ JASIF โดย TTTBB จำนวน 1.68 ล้านคอร์กิโลเมตรนั้นคิดเป็นมูลค่า 1.19 หมื่นล้านบาท และจะใช้เวลาไม่เกิน 2 ปีในการก่อสร้างเอง

- Advertisement -