บล.บัวหลวง:

Siam Cement (SCC TB/SCC.BK)

SCC – กำไรไตรมาส 3/65 เป็นไปตามคาด ; คาดปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยในไตรมาส 4/65

กําไรหลักเป็นไปตามที่เราคาด แต่กำไรสุทธิสูงกว่าที่เราคาด

SCC รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/65 ที่ 2,444 ล้านบาท ลดลง 64% YoY และ 75% QoQ หากไม่รวมรายการพิเศษ กำไรหลักจะอยู่ที่ 3,524 ล้านบาท ลดลง 59% YoY และ 65% QoQ ขณะที่กำไรหลักเป็นไปตามที่เราคาด แต่กําไรสุทธิสูงกว่าที่เราคาด 24% เนื่องจากขาดทุนสต็อกต่ำกว่าคาด (แต่ต่ำกว่าตลาดคาด 18%)

ประเด็นสําคัญจากผลประกอบการ

ปัจจัยหลักที่กดดันกําไรหลักให้ปรับตัวลดลง YoY ได้แก่ 1) กําไรจากธุรกิจปีโตรเคมีที่ปรับตัวลดลง, 2) กําไรจากธุรกิจธุรกิจซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างที่ปรับตัวลดลง, 3) ส่วนแบ่งกําไรจากบริษัทร่วมที่ปรับตัวลดลง (YoY และ QoQ), 4) ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่สูงขึ้น โดยอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 12.7% จาก 12.2% ในไตรมาส 3/64 และ 12.0% ในไตรมาส 2/65, และ 5) อัตราภาษีจ่ายที่สูงขึ้น (YoY และ QoQ)

ธุรกิจปิโตรเคมีรายงานขาดทุนสุทธิไตรมาส 3/65 ที่ 339 ล้านบาท พลิกกลับจากกำไรสุทธิในไตรมาส 3/64 และไตรมาส 2/65 (ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ทุกประเภทปรับตัวลดลงและส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมปรับตัวลดลง) ธุรกิจซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างรายงานกําไรสุทธิที่ 530 ล้านบาท พลิกกลับจากขาดทุนสุทธิในไตรมาส 3/64 (มีการบันทึกผลขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์) แต่ลดลง 68% QoQ (อัตรากำไรที่ปรับตัวลดลง) ในขณะที่กำไรสุทธิจากธุรกิจบรรจุภัณฑ์ไตรมาส 3/65 อยู่ที่ 1,837 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% YoY แต่ลดลง 1% ขณะที่กำไรหลักอยู่ที่ 1,605 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% YoY และ 5% QoQ (EBITDA margin ของธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรที่ ปรับตัวเพิ่มขึ้น [QoQ] และของธุรกิจเยื่อกระดาษเพิ่มขึ้น [YoY และ QoQ])

แนวโน้ม

กําไรหลักของ SCC มีแนวโน้มปรับตัวลงต่อเนื่อง YoY ในไตรมาส 4/65 เป็นผลมาจากกําไรที่ลดลงจากธุรกิจปิโตรเคมีและจากธุรกิจซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง (อัตรากำไรที่ปรับตัวลดลง) อย่างไรก็ตาม เราคาดว่ากําไรของธุรกิจ บรรจุภัณฑ์จะเพิ่มขึ้น YoY (อุปสงค์ที่ปรับตัวดีขึ้นและการขยายตัวของอัตรากําไร) น่าจะช่วยบรรเทาการอ่อนตัวลงของกําไรหลักได้บางส่วน ในแง่ของ QoQ กําไรหลักของบริษัทคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย หนุนโดยผลประกอบที่ดีขึ้นในธุรกิจบรรจุภัณฑ์

สิ่งที่เปลี่ยนแปลง

กําไรสุทธิ 9 เดือนแรกของปี 2565 คิดเป็น 87% ของประมาณการกำไรสุทธิ ปี 2565 ของเราที่ 24,408 ล้านบาท โดยเรายังคงไว้ดังเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

คําแนะนํา

แนวโน้มที่ไม่น่าตื่นเต้นต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 4/65 และการปรับลดประมาณการตลาดอาจกดดันต่อราคาหุ้นต่อไป อย่างไรก็ตาม มูลค่าหุ้นปัจจุบันของ SCC ชื้อขายที่ PBV ณ สิ้นปี 2566 ที่ 1.0 เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว ที่ 2.2 เท่า อยู่ 1.7 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน) ได้สะท้อนไปในราคาแล้ว ดังนั้น ความเสี่ยงขาลงจึงมีจํากัด เรายังคงคําแนะนํา ถือ

SCC – ประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์

What’s new?

ประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมายืนยันมุมมองเชิงระมัดระวังของเราต่อแนวโน้มของบริษัทในระยะสั้น

Highlights:

  • ธุรกิจซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง (CBM): คาดอุปสงค์ในประเทศไทยจะฟื้นตัวต่อเนื่องใน 4Q22 แต่มาร์จิ้นจะยังถูกกดดันจากต้นทุนพลังงานที่อยู่ในระดับสูง บริษัทมีแผนปรับขึ้นราคาผลิตภัณฑ์และการใช้พลังงานทางเลือกเพิ่มขึ้น ผู้บริหารเชื่อว่าจะช่วยลดผลกระทบจากต้นทุนที่ เพิ่มขึ้นได้
  • ธุรกิจเคมิคอลส์: อุปสงค์ยังคงชะลอตัวโดยเฉพาะอย่างยิ่งในจีน (แต่คาดว่าจะค่อยๆปรับตัวดีขึ้นหากจีนคลายล็อคดาวน์) ในขณะที่ การเริ่มดำเนินงานของกำลังการผลิตใหม่จะเป็นปัจจัยด้านอุปทานที่กดดันส่วนต่างราคาปิโตรเคมีต่อเนื่องใน 4Q22
  • IPO ของ SCGC จะยังไม่ทำในปีนี้ และจะพิจารณาปัจจัยต่างๆอีกครั้งในช่วงต้นปี 2023
  • SCC ปรับลดงบลงทุนปี 2022 เหลือ 5.5 หมื่นล้านบาท (จากเดิม 7 หมื่นล้านบาท) โดยมุ่งเน้นการลงทุนในโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง (คาดโครงการ LSP จะ COD ในช่วงกลางปี 2023 ได้ตามแผน) และ green energy/product
  • สถานะทางการเงินของ SCC ยังคงแข็งแกร่ง โดยมีเงินสดในมือ 6.9 หมื่นล้านบาท และอัตราส่วน Net D/E ที่เพียง 0.6 เท่า ณ สิ้น 3Q22 (ไม่มี debt covenant)

View From Fundamental:

แนวโน้มที่ไม่น่าตื่นเต้นต่อเนื่องไปจนถึง 4Q22 และโอกาสในการปรับลดประมาณการกำไรของตลาดอาจเป็นปัจจัยกดดันราคาหุ้นต่อไป อย่างไร ก็ตาม มูลค่าหุ้นปัจจุบันได้สะท้อนปัจจัยดังกล่าวไปในราคาแล้ว ความเสี่ยงขาลงจึงมีจำกัด เราจึงคงคำแนะนำ “ถือ”

 

- Advertisement -