บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):
Shrinkflex (Thailand) PCL (SFT.BK/SFT TB)
ประมาณการ 3Q65F: กำไรจะลดลง YoY แต่เพิ่มขึ้น QoQ
Event
เราคาดว่ากำไรสุทธิของ SFT ใน 3Q65F1 จะอยู่ที่ 26 ล้านบาท (-22% YoY, +11% QoQ) ทำให้กำไรสุทธิในงวด 9M65 อยู่ที่ 66 ล้านบาท (-33% YoY) คิดเป็น 80% ของประมาณการกำไรเต็มปีของเรา
Impact
ยอดขายเพิ่มขึ้นเนื่องจากสถานการณ์ดีขึ้น
เราคาดว่ายอดขายใน 3Q65F จะเพิ่มขึ้นเป็น 234 ล้านบาท (+14% YoY, +6% QoQ) เนื่องจาก i) ผู้ผลิต สินค้ามีการวางจำหน่ายสินค้าใหม่ (Osotspa PCL (OSP.BK/OSP TB)* และ Carabao Group (CBG.BK/CBG TB)* มีแผนจะออกสินค้าใหม่ (ดูบทวิเคราะห์ OSP ของ KGI ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2565 และบทวิเคราะห์ CBG ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2565)) และ ii) ได้ลูกค้าใหม่ๆ หลังจากไปร่วมงาน exhibitions ทำให้ยอดขายในงวด 9M65F อยู่ที่ 655 ล้านบาท (+8% YoY) ในขณะที่ SFT ตั้งเป้าโตสองหลัก และคิดเป็น 74% ของสมมติฐานเต็มปีของเรา
อัตรากำไรขั้นต้นอาจจะดีขึ้น
ถึงแม้ว่าราคา PVC และ PET จะลดลงใน 3Q65-4Q65 (ราคา PVC ลดลง 31% YoY และ 24% QoQ ใน 3Q65 ในขณะที่ราคา PET เพิ่มขึ้น 7% YoY แต่ลดลง 9% QoQ ในช่วงเดียวกัน) แต่ยังมีช่วงเหลื่อมเวลาของการใช้สต็อกเก่าอยู่อีกหกเดือน ดังนั้น เราจึงคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นใน 3Q65F จะอยู่ที่ 26% ( 2.5ppts YoY, +0.9ppts QoQ) ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นในงวด 9M65F อยู่ที่ 24.9% (-4.9ppts YoY) ดีกว่าสมมติฐานเต็มปีของเราที่ 23.0% ทั้งนี้ วัตถุดิบคิดเป็นประมาณ 44% ของยอดขายรวม และราคาวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นทุกๆ 5% จะฉุดให้ GPM ลดลง -1.4ppts (อิงจากสมมติฐานว่าไม่มีการปรับราคาขาย)
ราคาหุ้นน่าจะสะท้อนยอดขายที่เป็นบวกไปแล้ว แต่อาจจะยังมี upside อีกจากอัตรากำไร ประมาณการยอดขายของเราสะท้อนแนวโน้มการฟื้นตัวของยอดขายไปเรียบร้อยแล้ว โดยเราใช้สมมติฐานอัตราการเติบโตของยอดขายปี 2565-2567F ที่ 11% YoY, 16% YoY และ 15% YoY (คิดเป็นอัตราการเติบโตของยอดขายใน 4Q65F ที่ 23% YoY) ในขณะเดียวกัน ราคาวัตถุดิบที่ลดลงอาจจะทำให้อัตรากำไรมี upside อีกได้ ทั้งนี้ อัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นทุกๆ 1ppt จะทำให้กำไรสุทธิของ SFT เพิ่มขึ้นประมาณ 7% อย่างไรก็ตาม เงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นทำให้เกิดความกังวลว่าการบริโภค และเศรษฐกิจจะชะลอตัวลง ซึ่งอาจจะบีบให้คำสั่งซื้อของ SFT ลดลง และเป็นปัจจัยที่ต้องจับตามอง
Valuation & action
เรายังคงราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 ที่ 4.80 บาท อิงจาก PER เท่าเดิมที่ 20.0x (ค่าเฉลี่ยในอดีต) และยังคงคําแนะนํา “ถือ” SFT
Risk
ราคาวัตถุดิบผันผวน, เกิด disruption ในสายการผลิต, วัตถุดิบและสินค้าที่ผลิตเสร็จแล้วเกิดความเสียหาย, ความเสี่ยงจากนโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกับฉลากพลาสติก, ความกังวลเกี่ยวกับประเด็นสิ่งแวดล้อม, คู่แข่งรายใหม่, อัตราแลกเปลี่ยนผันผวน