บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):
Thanapiriya PCL (TNP.BK/TNP TB)
ประมาณการ 3Q65F : กำไรจะลดลง YoY แต่จะเพิ่มขึ้น QoQ
Event
เราคาดว่ากำไรสุทธิของ TNP ใน 3Q65F จะอยู่ที่ 35 ล้านบาท (-7% YoY, +5% QoQ) ทำให้กำไรสุทธิใน งวด 9M65 อยู่ที่ 105 ล้านบาท (-25% YoY) คิดเป็น 65% ของประมาณการกำไรเต็มปีของเรา
Impact
คาดว่า SSSG จะหดตัวในอัตราที่เบาลงใน 3Q65
เราคาดว่ายอดขายใน 3Q65F จะอยู่ที่ 598 ล้านบาท (+4% YoY, +3% QoQ) ทำให้ยอดขายในงวด 9M65 อยู่ที่ 1.7 พันล้านบาท (-9% YoY) เนื่องจากฐานที่ต่ำลงของมาตรการกระตุ้นใน 2H64 (~1.40 แสนล้านบาท จาก 4.00 แสนล้านบาทใน 1H64) และมาตรการคนละครึ่งเฟส 5 (มูลค่ารวม 2.12 หมื่นล้านบาท สำหรับ 26.5 ล้านคน หรือ 800 บาท/คน โดยจำกัดยอดการใช้จ่ายที่ 150 บาท/วัน ระหว่างเดือนสิงหาคม-พฤศจิกายน 2565) เราคาดว่า SSSG ของ TNP จะหดตัวลงในอัตราที่เบาลงกว่าใน 1H65 โดยคาดว่าจะอยู่ที่ -5.0% ใน 3Q65F จาก 3.5% ใน 3Q64 และ 12.3% ใน 2Q65 ทั้งนี้ TNP เปิดร้านใหม่หนึ่งร้านใน 3Q65 ทำให้จำนวนสาขาร้านทั้งเพิ่มเพิ่มเป็น 41 ร้านเมื่อสิ้นงวด 3Q65 จาก 36 ร้านเมื่อสิ้นงวด 3Q64
อัตรากําไรขั้นต้นน่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อัตรากำไรขั้นต้นของ TNP เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2559 แต่เนื่องจากมีการออกแพ็คเก็จกระตุ้นการใช้จ่ายขนานใหญ่ออกมาในปี 2564 เราจึงประเมินอัตรากำไรขั้นต้นใน 3Q65F เอาไว้แบบค่อนข้างอนุรักษ์นิยมที่ 17.4% (+0.1ppts YoY, ทรงตัว QoQ) ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นในงวด 9M65 อยู่ที่ 17.3% (+0.2ppts YoY) ต่ำกว่าสมมติฐานในปัจจุบันของเราที่ 17.4% เล็กน้อย นอกจากนี้ เราคาดว่าสัดส่วน SG&A ต่อยอดขายจะอยู่ที่ 10.6% (จาก 9.8% ใน 3Q64 และ 10.6% ใน 2Q65) ซึ่งสะท้อนถึงการขยายสาขาร้าน
เข้าสู่ช่วง peak ตามฤดูกาลในไตรมาสที่สี่ และกำไรยังมีแนวโน้มเติบโตตามคาด
ตามปกติแล้ว รายได้และกำไรของ TNP จะสูงที่สุดในไตรมาสที่สี่ ซึ่งเราคาดว่าน่าจะเป็นเช่นนั้นอีกใน 4Q65 ในขณะเดียวกัน แนวโน้มในปี 2567-68 ยังคงเป็นบวกหลังจากที่มีการปรับฐานกำไรในปี 2565 (จากที่มีการออกมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายอย่างหนักในปี 2564 ซึ่งเป็นช่วงที่ COVID-19 ระบาด) เราคาดว่ายังมีโอกาสให้เติบโตได้ทั้งจากทางด้านยอดขาย (จากการขยายสาขาปีละ 5 ร้าน หรือ เท่ากับ 10% ของจำนวนร้านทั้งหมด) และอัตรากำไรขั้นต้น (จากการเจรจาต่อรองกับ supplier และศูนย์กระจายสินค้ามีประสิทธิภาพมากขึ้น) ทั้งนี้ อัตรากำไรขั้นต้นของ TNP เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 90bps ในช่วงปี 2559-2564 ซึ่งสูงกว่าสมมติฐานในปัจจุบันของเราที่ปีละประมาณ 30bps นอกจากนี้ TNP ยังมีสถานะที่ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์ เพราะลักษณะตลาดแบบ captive market (ร้านสามารถรับบัตรสวัสดิการ) ซึ่งจะช่วยรองรับยอดขาย และอานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นของรัฐ (คนละครึ่งเฟสที่ 6) ดังนั้น เราจึงคาดว่ากำไรของ TNP จะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 16% ในช่วงปี 2566-67
Valuation & action
เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยประเมินราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 ที่ 4.80 บาท อิงจาก PER ที่ 20.0x (ค่าเฉลี่ยในอดีต -0.5 S.D.)
Risks
ภัยธรรมชาติ, การแข่งขันรุนแรงมากขึ้น, การบริหารสินค้าคงคลัง, การดำเนินงานสะดุด, disruption จาก เทคโนโลยีใหม่, ความเสี่ยงจากการขยายสาขาร้าน และความเสี่ยงด้านกฎเกณฑ์ของทางการ