บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):

Gulf Energy Development (GULF.BK/GULF TB)*

ประมาณการ 3Q65F: แค่วันที่แย่ แต่ไม่ได้แย่ไปตลอด

Event

ประมาณการ 3Q65, ปรับลดประมาณการกำไร และราคาเป้าหมาย

Impact

ประมาณการ 3Q65F – มีขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้ และผลการดำเนินงานอ่อนแอเกินคาด

GULF จะส่งงบ 3Q65F ในวันที่ 11 พ.ย. โดยคาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 1.0 พันลบ. (-35% QoQ, -37% YoY) และมีกำไรหลัก 2.0 พันลบ. (-35% QoQ, -13% YoY) จากมีผลขาดทุนจาก FX (บาทอ่อนค่า) และผลการ ดำเนินงานของ IPPs และ SPPs อ่อนแอลง ทั้งนี้ กฟผ. อยากให้ผลิตไฟฟ้าจากน้ำมากกว่าก๊าซ ดังนั้นการ dispatch ไฟฟ้าของ IPPs จึงลดลง ขณะเดียวกัน เรามองว่าผลการดำเนินงานของ SPP จะอ่อนแอลงจากราคาก๊าซเฉลี่ยของโรงไฟฟ้า SPP ดีดตัวขึ้นมาอยู่ที่ 550 บาท/mmbtu (+27% QoQ) ดังนั้น เราจึงคาดว่า GPM จะลดลงมาอยู่ที่ 12.3% (จาก 19.3% ใน 2Q65) และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทในเครือจะลดลง เราคาดว่าโครงการพลังงานลมนอกชายฝั่ง BKR2 ซึ่งอยู่ในช่วง low season ใน 3Q65 จะได้อานิสงส์จากการที่ราคาขายไฟพุ่งสูงขึ้นถึง 300% QoQ ซึ่งทำให้ผลการดำเนินงานเหมือนกับช่วง high season อย่างไรก็ตาม ผลดีจาก BKR2 หักกลบไปกับผลการดำเนินงานที่แย่ลงอย่างมากของ PTTNGD เรายังคาดว่าต้นทุนดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้น 7% QoQ จากดอกเบี้ยอยู่ในขาขึ้น และมีการออกหุ้นกู้ในเดือนสิงหาคม 2565

ปรับลดประมาณการกำไรลงเพื่อสะท้อนผลการดำเนินงานที่อ่อนแอเกินคาด และต้นทุนดอกเบี้ย

เราปรับลดกำไรหลักในปี 2565-2567F ลง 4-18% จากผลการดำเนินงานปี 2565 อ่อนแอลง และค่าใช้จ่าย ดอกเบี้ยสูงขึ้นในปี 2565-67 ทั้งนี้ เมื่อสิ้นงวด 2Q65 หนี้ GULF 50% เป็นสกุล THB ในขณะที่ 35% เป็นสกุล USD และอีก 15% เป็น EUR ขณะเดียวกัน หนี้กว่า 90% คิดดอกเบี้ยคงที่เราคาดว่ากำไรหลักจะยังอยู่ในขาขึ้น โดยคาดว่าจะโตถึง 53% YoY / 25% YoY ในปี 2566-2567F จากราคาก๊าซลดลง กำลังการผลิตใหม่เพิ่มเข้ามา และรับรู้ส่วนแบ่งกำไรเต็มปีจาก GSRC และ Jackson Generation

ประมาณการ 4Q65F – คาดว่าจะดีดตัวขึ้นอย่างชัดเจน

เราคาดว่ากำไรหลักใน 4Q65F จะดีดตัวขึ้นเป็น 2.9-3.1 พันลบ. เนื่องจากรับรู้ผลการดำเนินงานเต็มไตรมาสจาก GSRC Unit4 ซึ่งเริ่มเปิดดำเนินการเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2565 และจะเริ่มรับรู้ผลการดำเนินงานจาก Jackson ในเดือนธันวาคม 2565 ในขณะที่ค่า Ft เฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 0.9343 บาท/kWh (+0.46) แม้เราจะคาดว่าราคาก๊าซของโรงไฟฟ้า SPP จะเพิ่มขึ้นเป็น 588-600 บาท/mmbtu (+7-9% QoQ) ในขณะที่คาดว่าค่าใช้จ่าย SG&A จะสูงขึ้นตามฤดูกาล และอุปสงค์การใช้ไฟฟ้าจะลดลง ทั้งนี้ ค่า Ft ที่เพิ่มขึ้นทุกๆ 1 สตางค์/mmbtu จะทำให้กำไรสุทธิเต็มปีเพิ่มขึ้น 30-35 ล้านบาท/ปี

Valuation & Action

เรายังคงคำแนะนำซื้อ และประเมินราคาเป้าหมาย DCF ที่ 58 บาท จากเดิมที่ 60 บาท เรายังคงเลือก GULF เป็นหุ้นเด่นของเรา โดยคาดว่าหุ้น GULF จะยังคง outperform หุ้นอื่นในกลุ่มจากโมเมนตัมกำไร และโครงการในมือที่ชัดเจน

Risks

ปิดโรงไฟฟ้านอกแผน, ประสบปัญหา cost overruns, และความผันผวนจาก FX และอัตราดอกเบี้ย

- Advertisement -