บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):

B.Grimm Power (BGRIM.BK/BGRIM TB)*

ประมาณการ 3Q65F: อดทนเวลาที่ฝนพรำ

Event

ประมาณการ 3Q65, ปรับลดประมาณการกำไรเต็มปี และราคาเป้าหมายลง

Impact

ประมาณการ 3Q65F – ผลประกอบการจะแย่เป็นประวัติการณ์

BGRIM จะส่งงบ 3Q65 ในวันที่ 11 พ.ย. โดยคาดจะมีผลขาดทุนสุทธิ 500 ลบ. (จากที่ขาดทุนสุทธิ 193 ลบ.ใน 2Q65) และคาดว่าจะมีกำไรหลัก 18 ลบ. (-88% QoQ, -97% YoY) จากผลขาดทุนจากFX เพิ่มขึ้น 4 4 และ GPM ลดลงมาอยู่ที่ 9.3% (จาก 11.5% ใน 2Q65) เราพบว่ามีปัจจัยลบสามประการใน 3Q65 ได้แก่ i) ราคาก๊าซเฉลี่ย SPP แกว่งตัวขึ้นมาอยู่ที่ 550 บาท/mmbtu (+27% QoQ) ii) ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 5% QoQ จากการรับรู้โครงการใหม่ และการออกหุ้นกู้ 1.22 พันลบ.ในเดือน พ.ค. 2565 และ iii) ส่วนแบ่งผลขาดทุน จาก UVGBP เพิ่มขึ้นจากต้นทุนก๊าซและดอกเบี้ยสูง ทั้งนี้ปัจจัยบวกที่ช่วยชดเชยปัจจัยลบ ได้แก่ i) ไม่มีค่าซ่อมบำรุง ABP5 และ BGPAT1 และ ii) มีรายได้ค่าบริการราว 300 ลบ.จากค่าให้คำปรึกษา

ปรับลดประมาณการกำไรลง…. เพื่อสะท้อนถึงต้นทุนก๊าซ และดอกเบี้ยที่สูงเกินคาด

เราจำเป็นต้องปรับลดประมาณการกำไรหลักในปี 2565-2567 ลง 7-48% จากราคาก๊าซของ SPP และค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยสูงกว่าที่คาด ทั้งนี้ หนี้ 20% ของ BGRIM เป็นสกุล USD ในขณะที่มีหนี้เพียง 3% เท่านั้นที่คิดดอกเบี้ยลอยตัวโดยอิงกับ THOR และ BIBOR เป็นหลัก เราคาดว่ากำไรหลักจะกลับมาแข็งแกร่งในปี 2566-2567F โดยคาดว่าจะโตถึง 391% YoY และ 102% YoY จากราคาก๊าซ SPP ลดลง ประกอบกับมีกำลังการผลิตใหม่เพิ่มเข้ามา และประสิทธิภาพดีขึ้นจากโครงการ SPP replacement ห้าโครงการ ทั้งนี้ ราคาก๊าซ Asia JKM LNG ซึ่งขึ้นไปถึงจุดสูงสุดที่ US$70/mmbtu ได้ปรับลดลงมาอยู่ที่ US$30/mmbtu แล้ว ซึ่งน่าจะช่วยหนุนภาวะตลาด และส่งผลดีต่อ BGRIM โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2566

ประมาณการ 4Q65F – จะยังคงซบเซาต่อเนื่องไปจนถึงปี 2566F

เราคาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักใน 4Q65 น่าจะยังซบเซาเพราะราคาก๊าซเฉลี่ยของโรงไฟฟ้า SPP ยังคงขยับเพิ่มขึ้นเป็น 588-600 บาท (+7-9% QoQ) ในขณะที่อุปสงค์การใช้ไฟฟ้าลดลงตามฤดูกาล และค่าใช้จ่าย SG&A สูงขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการปิดซ่อมบำรุง BPWHA (98MWe) ตามแผน และต้นทุนดอกเบี้ยก็เพิ่มขึ้นด้วย แต่ยังดีที่ค่า Ft เฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 0.9343 บาท/kWh (+0.46) ซึ่งค่า Ft ที่เพิ่มขึ้นทุกๆ 1 สตางค์/mmbtu จะทำให้กำไรเต็มปีเพิ่มขึ้น 20 ล้านบาท/ปี ดังนั้น ผลประกอบการจึงอาจจะพลิกกลับมาเป็นบวก หรือมีผลขาดทุนสุทธิลดลงบวกขึ้นอยู่กับการเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยน USD/THB

Valuation & Action

เรายังแนะนำ ซื้อ ด้วยราคาเป้าหมาย DCF ใหม่ที่ 38 บาท จากเดิม 41 บาท ถึงแม้แนวโน้มผลประกอบการใน 3Q65 จะมีแนวโน้มไม่สดใส แต่เราเชื่อว่าราคาหุ้นสะท้อนปัจจัยนี้ไปแล้ว เราแนะนำให้นักลงทุนประเภท risk-lover เข้าลงทุนใน BGRIM ทั้งนี้ เนื่องจากปี 2565 เหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว BGRIM จึงน่าจะใช้กลยุทธ์แบบ bullish ในปี 2566 จากแผน PDP ไทยและเวียดนามที่กำลังจะออกมา

Risks

ปิดซ่อมบำรุงนอกแผน, ปัญหา cost overruns, ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และอัตราดอกเบี้ย

- Advertisement -