บล.กรุงศรีฯ:
I-TAIL CORPOARTION (ITC TB/ ITC.BK) 3 กลยุทธ์หนุนการเติบโต
คาดกำไรปกติปี FY22F เติบโตโดดเด่น 63% เป็น 4.0 พันล้านบาทและเติบโตต่อในปี FY23F อีก 16% เป็น 4.6 พันล้านบาท หนุนโดย 1) อุปสงค์อาหารสัตว์เลี้ยงที่เติบโตต่อเนื่อง 2) การเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดของลูกค้าปัจจุบัน และ 3) การขยายธุรกิจไปยังตลาดที่มีช่องว่างสำหรับการเติบโต โดยเฉพาะตลาดจีน กำหนดช่วงราคาเหมาะสมที่ 36.75-39.75 บาทต่อหุ้น
ประกอบธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงที่มีแนวโน้มเติบโตดี มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง
ITC เป็นหนึ่งในผู้นำในการรับจ้างผลิตผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงและขนมสำหรับสัตว์เลี้ยง ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ถูกผลิตขึ้นสำหรับแมวและสุนัขในหลากหลายช่วงอายุ ตั้งแต่ยังเป็นลูกแมวและลูกสุนัข วัยกำลังพัฒนา วัยโตเต็มวัย ไปจนถึงวัยชรา เพื่อที่สัตว์เลี้ยงจะได้รับสารอาหารที่เหมาะสมในแต่ละวัย
อุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงมีแนวโน้มเติบโตดีต่อเนื่อง
ซึ่งเป็นผลจาก 1) การเปลี่ยนผ่านทางประชากรสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่ซึ่งมีความรักสัตว์และต้องการเลี้ยงสัตว์มากขึ้น 2) การขยายตัวของสังคมเมือง และ 3) รูปแบบการใช้ชีวิตของผู้คนในปัจจุบัน ซึ่งนิยมรับสัตว์เลี้ยงมาเป็นเป็นเหมือนหนึ่งในสมาชิกครอบครัว โดย Frost & Sullivan คาดว่าตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงอาหารสัตว์เลี้ยงในปี 2021 ถึงปี 2026 จะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่อัตรา 7.1%
คาดกำไรปกติปี FY22F เติบโตโดดเด่น 63% เป็น 4.0 พันล้านบาท
คาดกำไรปกติปี FY23F โตต่อราว 16% เป็น 4.6 พันล้านบาท หนุนโดย 1) อุปสงค์อาหารสัตว์เลี้ยงที่แข็งแกร่ง 2) การเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดของลูกค้าปัจจุบัน ผ่าน 3 แนวทาง ได้แก่ (2.1) มุ่งเน้นการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียกที่มีแนวโน้มเติบโตดีกว่าแบบแห้ง (2.2) มุ่งเน้นการผลิตอาหารแมวที่มีแนวโน้มเติบโตสูงกว่าอาหารสุนัข และ (2.3) เพิ่มสัดส่วนรายได้จากขนมแมวและสุนัขที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงและ
3) การขยายธุรกิจไปยังตลาดที่มีช่องว่างสำหรับการเติบโต โดยเฉพาะตลาดจีน
กำหนดช่วงราคาเหมาะสมเท่ากับ 36.75-39.75 บาทต่อหุ้น
เราเลือกประเมินมูลค่าหลักทรัพย์ ITC ด้วยวิธี PER กำหนดช่วงราคาเหมาะสมที่ 36.75-39.75 บาทต่อหุ้น อิง PER ปี 2023 ที่ 24-26 เท่า เทียบกับกับ CAGR ระหว่างปี 2022F-2024F ที่ 25%