Our View? “พักบ้าง”
คาดตลาดวันนี้ “Sideways” ยังคงเคลื่อนไหวกรอบแคบ คาดภาพรวมยังได้รับ Sentiment ลบ จากประเด็นต่างประเทศ ล่าสุดตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง ทำให้คาดเฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยยาวนานกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ แม้อัตราการปรับขึ้นหลังจากนี้จะชะลอตัว หลัง FED ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% เมื่อคืนวันพุธ โดยคาดเพดานสูงสุดของอัตราดอกเบี้ยเฟดสู่ระดับ 5% หรือสูงกว่าในปี’66 จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 4.50-4.75% ตามอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งทำให้เกิดความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัว (Soft Landing) ในระยะถัดไป พร้อม Bond Yield 10 ปี +1.60% อยู่ที่ 4.124% ทำให้บริษัทอาจเผชิญต้นทุนการเงินที่สูงขึ้น อาจลดการลงทุน รวมถึงลดจ่ายเงินปันผล คาดยังเป็นปัจจัยกดดันทิศทางตลาด
ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน ธ.ค. ลดลง 2% ปิดที่ 88.17 ดอลลาร์/บาร์เรล ภายใต้ความกังวล (1) จีนยึดมั่นในนโยบายโควิดเป็นศูนย์ และ (2) เฟดเดินหน้าขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่อง ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกเผชิญภาวะถดถอย ทําให้ความต้องการชะลอตัว อย่างไรก็ตาม ติดตามจีนอาจจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อหารือเกี่ยวกับการกลับมาเปิดประเทศ คาดอาจเริ่มผ่อนคลายกฎระเบียบในการควบคุม COVID-19 ในช่วงเดือน มี.ค. คาดช่วยกระตุ้นความต้องการให้กลับมาอีกครั้ง คาดช่วยหนุนทิศทางราคาน้ำมัน-หุ้นในกลุ่มพลังงาน ในระยะถัดไป
ในส่วนของปัจจัยในประเทศ คาดในระยะถัดไปได้รับแรงหนุนจากแนวโน้มการยกเลิกมาตรการ Zero COVID ของจีนเช่นเดียวกัน คาดช่วยหนุนทิศทางหุ้นในกลุ่มโรงแรม-ท่องเที่ยว-สายการบิน-โฆษณา (MINT, ERW, CENTEL, SHR, VRANDA, SPA, AOT, PLANB และ VGI) พร้อมมุมมองเชิงบวกต่อการที่กระแสเงินทุนต่างชาติกลับมาไหลเข้าต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ช่วงเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทยกว่า 9,000 ล้านบาท รวมทั้งอยู่ในฝั่ง Long SET50 Index Futures กว่า 3.71 หมื่นสัญญา คาดเป็นสัญญาณเชิงบวกถึงแนวโน้มกระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้าต่อเนื่อง จากการที่เศรษฐกิจไทยในช่วง 4Q′65 คาดพื้นตัวขึ้นได้ดี จากภาคการท่องเที่ยวที่เข้าสู่ช่วง High Season และการบริโภคภายในประเทศ มองเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นในกลุ่ม Big Cap. ได้ต่อ ทั้งนี้เรายังชอบหุ้นในกลุ่มค้าปลีก (CPALL, CRC, MAKRO และ BJC) จากแนวโน้มการออกจบเยียวยาน้ำท่วมหลังสถานการณ์ดังกล่าวเริ่มผ่อนคลายลง รวมทั้งแนวโน้มการออกมาตรการรัฐ อาทิ ช็อปดีมีคืนในช่วงปลายปี คาดจะหนุนทิศทางราคาหุ้นในกลุ่มฯ ฟื้นตัวกลับขึ้นได้ต่อ
ยังแนะนำติดตามการประกาศผลประกอบการของ บจ. รวมทั้งตัวเลขเงินเฟ้อของไทย คาดว่า +6.00% YoY ลดลงจากเดือนที่ผ่านมา +6.40% YoY มองเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทยได้ต่อ
ธีมการลงทุน “Selective Play”
หุ้นแนะนำวันนี้ “BBL” ได้ประโยชน์จากทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น โดย BBL ได้เปรียบเรื่องสภาพคล่อง ส่งผลให้ NIM เพิ่มขึ้นได้แรงกว่าธนาคารอื่น โดยมีอัตราส่วน L/D Ratio อยู่ที่ 88.35% ต่ำกว่า Bank ใหญ่อื่นๆ ทำให้ BBL สามารถปล่อยสินเชื่อในภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น ขณะที่ยังคงรักษาต้นทุนเงินฝากไว้ได้ บวกกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ MLR 0.4%, MOR 0.375% และ MRR 0.30% เมื่อช่วงปลายเดือน ก.ย.65 สูงกว่าธนาคารใหญ่อื่นๆ ที่ปรับดอกเบี้ยขึ้นเพียง 0.10% – 0.25% ประเมินราคาเป้าหมายปี’66 (พื้นฐาน) ที่ 167.00 บาท