Daily Focus: Earnings and Selective Play

2023 SET Target: 1760

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับขึ้นตามตลาดหุ้นในภูมิภาคอย่างสดใสรับข่าวจีนเตรียมผ่อนคลายมาตรการคุมโควิด แต่มีแรงขายในช่วงบ่าย รอตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐ ทำให้ SET Index ปิดบวกเพียง 0.70 จุด สถาบันในประเทศพลิกกลับมาซื้อเล็กน้อย 786 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 11 วันอีก 832 ลบ. (และสถานะซื้อสุทธิใน Index Futures 1,048 สัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index ยังคงแกว่งตัว Sideways ค่อนไปทางลบในกรอบ 1,615-1,630 จุด นักลงทุนทั่วโลกยังจับตาการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐ และตัวเลขเงินเฟ้อผู้บริโภคของสหรัฐวันพฤหัส ส่วนหุ้นที่เกี่ยวข้องกับจีน เช่น กลุ่มตัวแทนจำหน่ายมือถือ เรือเหล็ก รวมถึงหุ้นพลังงานต้นน้ำ วันนี้จะถูกกดดันจากข่าวจีนยังคงนโยบาย Zero Covid อย่างไรก็ตาม เรายังคงมอง SET Index จะปรับตัวลงจำกัดกว่าตลาดหุ้นโลก น้ำหนักของตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้อยู่ที่การประกาศผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน ประกอบกับทิศทางเศรษฐกิจที่ทยอยเร่งตัวขึ้นทั้งการฟื้นตัวของการบริโภคและการลงทุนภาค รวมถึงเริ่มเข้า High Season ของการท่องเที่ยว คาดว่ายังหนุนให้กระแสเงินทุนทยอยไหลเข้าตลาดหุ้นไทยในระยะกลาง หุ้น Domestic และ Reopening Play คาดว่ายัง Outperform หุ้น Global Play ได้ต่อเนื่อง ส่วนระยะสั้นเลือกเก็งกำไรงบ 3Q22 ที่จะออกมาโดดเด่น

กลยุทธ์ : เลือกเก็งกำไรหุ้นที่คาดงบ 3Q22 แข็งแกร่ง และมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว // ถือลงทุนหลังสะสมหุ้นเพิ่ม

หุ้นเด่นเดือน พ.ย. : BBL, DOHOME, EKH, MAKRO, NOBLE

หุ้นเด่นวันนี้ : PRM

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 9 บาท
  • เราคาดกำไรสุทธิ 3Q22 +192% Q-Q, +36% Y-Y โดยจะมีการบันทึกกำไรจากการขายเรือก้อนใหญ่กว่า 300 ลบ.ใน 3Q22 หักล้างผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนได้หมด ส่วนกำไรปกติคาด +35% Q-Q, +82% Y-Y
  • ธุรกิจหลักดีขึ้นต่อเนื่องเพราะเรือทุกลำทำงานเต็มไตรมาสและเตรียมรับเรือใหม่เพิ่ม  บวกกับอุปสงค์ของน้ำมันเจ็ทที่ดีมาก และต้นทุนน้ำมันดิบปรับลง แนวโน้ม 4Q22 ดีต่อ เราคาดกำไรปกติปี 2022 +30% Y-Y
  • แนวรับ 6//5.60 บาท แนวต้าน 6.50-6.60//6.85 บาท

Fund Flow : วันศุกร์กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาคต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 เม็ดเงิน เพิ่มขึ้นเป็น US$305 ล้าน โดยกระจุกที่ไต้หวัน US$325 ล้าน ส่วนอาเซียนเม็ดเงินไหลเข้ากระจุกที่ไทย US$22 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังค่อนไปในทิศทางไหลออก รอผลเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐวันอังคารและตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐวันพฤหัส

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) ตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ ดีกว่าคาด โดยเดือน ต.ค. เพิ่มขึ้น 2.61 แสนตำแหน่ง แม้จะชะลอจากเดือนก่อนที่ 3.15 แสนตำแหน่ง แต่ดีกว่าตลาดคาดที่ 2 แสนตำแหน่ง ส่วนอัตราว่างงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 3.7% จากเดือนก่อนที่ 3.5% ตลาดหุ้นสหรัฐฯตอบรับเชิงบวก โดยช่วยผ่อนคลายความกังวลเรื่อง Recession ระยะสั้น อย่างไรก็ตาม สัปดาห์นี้ต้องติดตามเงินเฟ้อ CPI เดือน ต.ค. หากยังสูงกว่าคาดและไม่มีแนวโน้มชะลอตัวชัดเจนจะยังเป็นปัจจัยจำกัด Upside ของสินทรัพย์เสี่ยง

(0) SCCC กำไร 3Q22 ต่ำกว่าเราและตลาดคาด 30-40% โดยกำไรปกติทำได้เพียง 600 ลบ. -65% Q-Q, -14% Y-Y ถูกกดดันจากต้นทุนถ่านหิน น้ำมันดีเซล ค่าไฟฟ้า และค่าใช้จ่ายในการปิดซ่อมบำรุงเตาเผาตามแผน และนอกแผน รวมทั้ง JV ในกัมพูชา (ธุรกิจิเมนต์) พลิกเป็นขาดทุน แนวโน้ม 4Q22 ฟื้นตามฤดูกาลและได้อานิสงส์จากฟื้นฟูสิ่งปลูกสร้างหลังน้ำท่วมคลี่คลาย ยังคงแนะนำถือ ทางข้างหน้ายังท้าทายจากเรื่องต้นทุนวัตถุดิบ คงราคาเป้าหมาย 160 บาท

(+) CHG คาดกำไรปกติ 3Q22 -50% Q-Q, -72% Y-Y จากรายได้เกี่ยวเนื่องกับ COVID-19 ที่ลดลง และฐานสูงปีก่อน อย่างไรก็ตาม ยังคงเป็นระดับที่แข็งแกร่งและสูงกว่าช่วงก่อน COVID-19 ถึง 65% แนวโน้มกำไร 4Q22 คาดเร่งตัว Q-Q แม้ไม่ใช่ High Season แต่ได้แรงหนุนจากกำไรบันทึกกำไรพิเศษราว 100 ลบ.จากรายได้ประกันสังคมในส่วนโรคเรื้อรังจากงบประมาณปี 2021 ที่สูงกว่าที่บันทึกไว้ แม้เราคาดกำไรปี 2022-2023 จะ -28% Y-Y และ – 52% Y-Y ตามลำดับ แต่ยังสูงกว่าปี 2019 ถึง 39% หนุนจากผู้ป่วย Non-COVID ที่เติบโต แกร่ง คงราคาเป้าหมายปี 2023 ที่ 4.70 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(+) KLINIQ เข้าเทรดวันนี้ ประกอบธุรกิจคลินิกด้านความงามและดูแลผิวพรรณ โดยให้บริการหลายประเภท อาทิ ทรีตเมนท์ เลเซอร์ ยกกระชับใบหน้า และให้บริการด้านศัลยกรรมตกแต่ง ถือเป็นผู้ให้บริการด้านความงามอย่างครบวงจร ปัจจุบันสิ้น 1H22 มีจำนวน 39 สาขา จุดเด่นอยู่ที่ประสบการณ์ผู้บริหารและการบริการที่มีมาตรฐานทั้งบุคลากรและเครื่องมือทันสมัย ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าตลอด 13 ปีที่ผ่านมา เราชอบจุดแข็งจากฐานลูกค้าเป้าหมายเป็นกลุ่มที่มีรายได้ระดับกลาง-บน มีความอ่อนไหวต่อภาวะเศรษฐกิจ และราคาค่าบริการค่อนข้างต่ำ และยังเป็นธุรกิจที่เกิดความถี่ในการเข้ารับบริการซ้ำและต่อเนื่อง โดยบริษัทมีแผนขยายสาขาราว 6-10 สาขาต่อปี และมีการลงทุนเครื่องมือทางการแพทย์ที่มีนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง คาดกำไรสุทธิปี 2022 จะฟื้นตัวแรง +51% Y-Y จากการ กลับมา Reopen และคาดกำไร 3 ปีข้างหน้า +25% CAGR ประเมินราคาเป้าหมายปี 2023 ที่ 28 บาท (Finansia เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายฯ)

 

(+) ตลาดดาวโจนส์ ปิดที่ 32,403.22 จุด เพิ่มขึ้น 401.97 จุด หรือ +1.26% จากอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นในเดือนต.ค. เป็น 3.7% จากเดือนก่อนที่ 3.5% ทำให้นักลงทุนคาดหวังว่า FED จะขึ้นดอกเบี้ยไม่รุนแรงในการประชุมเดือน ธ.ค.

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก จากอัตราว่างงานสหรัฐเพิ่มขึ้น ทำให้นักลงทุนคาดหวังว่า FED จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่ลดลง และความคาดหวังการเปิดประเทศของจีน

(+) ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับขึ้น ตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐ

(+) ค่าเงินบาท แข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 37.42 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปิดเพิ่มขึ้น 4.44 ดอลลาร์ หรือ 5% ปิดที่ 92.61 ดอลลาร์/บาร์เรล จากการอ่อนค่าของดอลลาร์และความคาดหวังการเปิดประเทศของจีน ในขณะที่เช้านี้ปรับลงที่ระดับ 91.42 ดอลลาร์/บาร์เรล -1.28%

(+) ราคาทองคำ COMEX ปิดเพิ่มขึ้น 45.7 ดอลลาร์ หรือ 2.8% ปิดที่ 1,676.60 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการอ่อนค่าของดอลลาร์ ในขณะที่เช้านี้ปรับลงเล็กน้อยที่ ระดับ 1,676.40 ดอลลาร์/ออนซ์ -0.01%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 906.96 / -4.63

- Advertisement -